‘บิ๊กแก้ว’ชี้รถตู้โดยสารไม่เหมาะเป็นรถสาธารณะ เล็งผลักดันใช้รถมินิบัสเเทน

“บิ๊กแก้ว” หนุนแนวคิด คสช.เล็งใช้ “มินิบัส” แทน “รถตู้”

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดระเบียบรถตู้โดยสารสาธารณะว่า รถโดยสารที่วิ่งระหว่างจังหวัดจุดจอดต้นทางและปลายทางต้องอยู่ในสถานีขนส่ง เนื่องจากบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ต้องเข้ามาดูแล ทั้งเรื่องสภาพรถ ความปลอดภัย ความสะอาด สภาพคนขับ และการออกรถตามเวลา การที่รถตู้กระจายอยู่แบบนี้ทำให้ บขส.เข้าไปดูแลไม่ได้ ดังนั้น สิ่งที่ขาดคือสถานีขนส่งต้องเป็นศูนย์กลางคมนาคม แต่ที่เรามีนั้นยังไม่สมบูรณ์ แต่ปรากฏว่าบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเป็นพื้นที่ศูนย์กลางที่ดี ทางผู้ประกอบการจึงมาใช้ ดังนั้น ต้องสร้างสถานีขนส่งให้เป็นศูนย์รวมรถตู้ให้ได้ ส่วนผู้ประกอบการเองต้องยอมรับหลักการเหล่านี้ เพราะในสัญญาที่ผู้ประกอบการเขียนไว้กับ บขส.ชัดเจนว่าจุดจอดคือสถานีกรุงเทพฯกับสถานีปลายทาง ซึ่งถือว่าผู้ประกอบการทำผิดเงื่อนไขอยู่แล้ว เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พยายามจัดและสร้างความสะดวก ทางผู้ประกอบการก็ควรเข้ามาจอดที่สถานีขนส่ง เพราะเชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการเองในระยะยาวแน่นอน ทั้งนี้ ส่วนงานที่เกี่ยวข้องต้องรีบเข้าไปดำเนินการและดูแล หากสถานที่ไม่พร้อมจะสามารถขยายไปตรงไหนได้

พล.ต.เฉลิมพลกล่าวต่อว่า เราดำเนินการอย่างเต็มที่ แบบเดินหน้า แต่ไม่ดึงดัน โดยประเมินไว้คือวันที่ 25 ตุลาคมนี้ รถตู้โดยสารสาธารณะ กทม.-ต่างจังหวัดต้องเข้าสถานี ซึ่งในช่วงแรกที่รถทุกคันเข้ามาสถานีขนส่งนั้นทาง 4 หน่วยงานหลัก ได้แก่ ตำรวจ ทหาร บขส. กรมการขนส่งทางบก จะช่วยกันดูแลทุกสถานีให้เรียบร้อยจนถึงพฤษภาคม 2560 จากนั้น บขส.จะเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลต่อไป เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ข้อดีของการจัดระเบียบครั้งนี้จะทำให้ค่าโดยสารราคาถูกลง และทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จะจัดรถชัทเทิลบัสเยียวยาวิ่งเส้นทางอนุสาวรีย์ชัยฯไป 3 สถานีขนส่งได้แก่ จตุจักรหรือหมอชิต สายใต้ใหม่ และเอกมัย โดยจะวิ่งต่อเนื่องไม่หยุดระหว่างทาง

เมื่อถามถึงกรณีที่ คสช. มีแนวคิดนำรถยนต์โดยสารขนาดเล็ก หรือมินิบัสมาให้บริการแทนรถตู้โดยสารสาธารณะเส้นทาง กทม.-ต่างจังหวัด พล.ต.เฉลิมพลกล่าวว่า รถตู้โดยสารสาธารณะไม่ใช่รถที่ได้รับอนุญาตในการโดยสารสาธารณะแบบที่กรมการขนส่งทางบกอนุญาตไว้ แต่มีการอนุโลมเยียวยาให้นำรถตู้โดยสารสาธารณะมาให้บริการได้ตั้งแต่ปี 2553 แต่จากการสำรวจต่างๆ พบว่าสรีระของรถตู้ไม่เหมาะสมกับการนำมาเป็นรถสาธารณะ โดยมีเหตุผลสำคัญคือประตูเป็นแบบสไลด์ หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะทำให้สามารถเข้า-ออกไม่ได้ อีกทั้งยานพาหนะที่เป็นสาธารณะควรมีแถวตรงกลาง เพื่อความสะดวกในการขึ้นและลง รวมถึงไม่ให้น้ำหนักผู้โดยสารและยานพาหนะมากเกินกว่ากัน จะเห็นได้ว่าเมื่อรถตู้แน่นการทรงตัวจะลำบาก ทำให้มาตรฐานความปลอดภัยต่ำ จึงยอมรับได้ในระยะทางไม่เกิน 100 กม. ทางเจ้าหน้าที่พยายามพัฒนาให้นำแบบมินิบัสมาใช้ให้ได้

Advertisement

“ในส่วนของรถตู้โดยสารสาธารณะก็ยอมรับได้ในระดับไม่เกิน 300 กม. ถ้าเกินจากนั้นต้องเป็นรถมินิบัส ดังนั้นต้องหารือร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์จะทำอย่างไร เพื่อส่งเสริมรถมินิบัสได้ และต้องกำหนดเวลาว่ารถตู้โดยสารสาธารณะมีอายุวิ่งไม่เกิน 10 ปี ดังนั้นต้องขีดเส้นเวลา หากครบกำหนดแล้วต้องเปลี่ยนจากรถตู้โดยสารมาเป็นรถมินิบัสแทน แต่ก็ต้องให้เวลาผู้ประกอบการ อีกทั้งรัฐอาจจะต้องมีการส่งเสริม เช่น การงดเว้นภาษีใน 5 ปี แรกเป็นต้น” พล.ต.เฉลิมพลกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image