วิป รบ.ชงยื้อ 30 วันตั้ง กมธ.ร่วมศึกษา ฝ่ายค้าน ลุกค้าน หวั่นโดนหลอก ขอไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย

วิป รบ. ชงยื้อ 30 วันตั้ง กมธ.ร่วมศึกษา ฝ่ายค้านหวั่นโดนหลอก ลุกค้าน ขอไม่รับสังฆกรรมด้วย

เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วม เพื่อพิจารณาญัตติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560 จำนวน 6 ฉบับ

เวลา 18.05 น. นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ประธานวิปรัฐบาล ในฐานะผู้เสนอญัตติ อภิปรายสรุปว่า รู้สึกว่าก่อนที่ไม่มีญัตติร่างรัฐธรรมนูญเข้ามา สภามีความปลองดองสมานฉันท์กันอย่างเต็มที่ แต่ในการประชุม 2 วันที่ผ่านมา กลับเห็นถ้อยคำแปลก เสียดสีกันบ่อยขึ้น ซึ่งเกิดจากความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เข้าใจว่าที่เป็นเช่นนี้ เพราะเราไม่มีช่องทางในการตั้งคณะกรรมการร่วมเพื่อพูดคุยหารือกันก่อน ซึ่งก่อนหน้าที่ตนไม่เคยเข้าใจว่า ข้อบังคับการประชุมฯ ข้อที่ 121 วรรคสามนั้น มีไว้เพื่ออะไร วันนี้ตนเข้าใจแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินมาถึงจุดนี้ ตนไม่มีทางยอมให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ 206 ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลตกไป ดังนั้น หากจะช้าไป 1 เดือนก่อนที่จะนำกลับเข้าสู่การประชุมร่วมรัฐสภาสมัยหน้า เพราะถ้าวันนี้เดินหน้าแล้วคว่ำจะทำอย่างไร ซึ่งต้องยอมรับว่าเสียงของ ส.ว.เป็นเสียงที่มีความสำคัญ ดังนั้น หากมีความจำเป็นในการเปิดประตู ม.256 โดยเปิดโอกาสให้พวกเราทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ได้คุยกันบ้าง เพื่อให้เห็นสอดคล้องกันบ้าง โดยใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน คิดว่าคุ้ม

“เราจะใช้เวลาในส่วนนี้โดยไม่ประวิงเวลา เพราะถ้าเดินไปข้างหน้าวันนี้ตัน แต่ถ้าตั้งคณะกรรมาธิการตามข้อบังคับฯ ข้อที่ 121 วรรคสาม คิดว่าเดือนพฤศจิกายนจะได้โหวต และผ่านทั้ง 6 ญัตติตามที่ต้องการ คิดว่า ส.ส ส.ว. มีวุฒิภาวะในการทำงานอย่างเต็มที่ ไม่อยากให้ร่างที่ผมและคณะเสนอต้องเสียหายไป ก็ขอเริ่มเป็นสมัยหน้า และเสนอไว้ ณ ทีนี้ ในการขอตั้งคณะ กมธ.ก่อนรับหลักการ และขอฝ่ายค้านว่า ทำไมเราไม่หันหน้าร่วมกันแก้ไข เพราะวันนี้หากทำแล้วไปถึงทางตันถามว่าจะได้อะไร วันนี้ผมจะหยุดรอเพื่อ 1 เดือนเพื่อให้สมาชิกทุกท่านสบายใจได้ในสิ่งที่ท่านต้องการ ผมอดห่วงไม่ได้ว่า การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ อาจทำให้พรรคร่วมรัฐบาล หรือหลายท่านที่แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่าไม่ขอร่วมในการโหวต เนื่องจากเห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีอยู่แล้ว อย่างพลังประชารัฐก็ยืนยันตั้งแต่ต้นว่า เราไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อเป็นนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล จึงจำเป็น แต่คิดว่า ทางออกที่ดีที่สุด คือมาตรา 256 แต่สิ่งนั้นจะไม่สัมฤทธิ์ผลถ้าสมาชิกรัฐสภาไม่ให้การช่วยเหลือ” นายวิรัชกล่าว

จากนั้น นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นเสนอให้ตั้งคณะ กมธ.พิจารณาก่อนรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขึ้นมา 1 คณะ ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา 121 วรรคสาม เพื่อให้ตัวแทนทั้งพรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน และ ส.ว.ได้ร่วมกันศึกษาร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับ ให้มีข้อมูลที่ครบถ้วน โดยคณะ กมธ.ที่ตั้งขึ้นจะได้จัดทำรายงานความเห็นของ กมธ.เสนอความเห็นของ กมธ.เสนอต่อรัฐสภาโดยเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกรัฐสภาที่จะนำมาพิจารณาวินิจฉัยต่อไปในคราวประชุมหน้าเพื่อความรอบครอบ

Advertisement

นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ลุกขึ้นอภิปรายสวนทันทีว่า ถ้าจะศึกษาโดยตั้ง กมธ.ขึ้นมาไม่จำเป็น และเสียเวลาเปล่า เพราะเราเคยได้ศึกษามาแล้ว โดยการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รวมทั้งจะเกิดข้อกังวลใหม่ อย่างที่ภาษาวัยรุ่นบอกว่า ถูกหลอกให้ออกโรงเรียนหรือเปล่า เพราะถ้าเราไปศึกษา 1 เดือน จะมีหลักประกันอะไรหรือไม่ว่าญัตตินี้จะไม่ตก ดังนั้น จะตกวันนี้หรือจะตกวันหน้าก็เหมือนกัน ดีกว่าหลอกให้เราศึกษาอีก 1 เดือน สุดท้ายก็ตกอยู่ดี หากสภา สมัยหน้าลงมติตกแล้ว จะเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ได้ด้วย แต่ถ้าตกวันนี้ สมัยหน้าเรายังยื่นญัตติใหม่ได้ โดยไปรวมกับร่างของโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ ซึ่งมีเนื้อหาคล้ายกัน ซึ่งทราบว่าร่างของไอลอว์กำลังตรวจสอบรายชื่ออยู่ คาดว่าจะนำเข้าพิจารณาในสมัยหน้า หากญัตติไม่ตกวันนี้แล้วไปตกในสมัยหน้าอาจทำให้ร่างขอไอลอว์ตกไปด้วยหรือไม่ เพราะต้องพิจารณาพร้อมกัน วันนี้เราพยายามมองเจตนาดี แต่ประชาชนข้างนอกมองออกหรือไม่ เขามองเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากเราอู้ เตะถ่วง ถ้าเขามองว่าสภาไม่จริงใจ ฝ่ายค้านเป็นเครื่องมือเขาด้วยก็เจ็บอีก เสียหายอีก ไม่ใช่เสียหายเฉพาะตน แต่สภาเสียหายไปด้วย ในอดีตไม่เคยมีการตั้ง กมธ.ก่อนรับหลักการ ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย ขอให้คิดดีๆ ถ้าจะตั้งกมธ.ขึ้นมาศึกษา แต่ถ้าจะตั้งจริง เราขอไม่ขอร่วมศึกษาด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image