นิกร แนะเร่งถอดชนวนแก้ รธน. คุยกับ ส.ว.ให้เข้าใจ รีบตัดสินใจก่อนวิกฤต

นิกร แนะเร่งถอดชนวนแก้ รธน. คุยกับ ส.ว.ให้เข้าใจ รีบตัดสินใจก่อนวิกฤต

เมื่อวันที่ 26 กันยายน นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ​ ก่อนรับหลักการ จำนวน 6 ฉบับ กล่าวถึงการประชุมนัดแรกวันที่ 30 กันยายน ว่าแม้ กมธ.ไม่ครบ 3 ฝ่ายตามข้อบังคับฯ เพราะฝ่ายค้านขอไม่ร่วม แต่เป็นสิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาลกับ ส.ว.ต้องช่วยกันแบกไว้ ซึ่งการชะลอไว้แค่ 30 วันอาจไม่ใช่การเตะถ่วง แต่เป็นการยืดลมหายใจของสถานการณ์ออกไป เพื่อมาคุยกันให้เข้าใจว่าจะเอากันอย่างไร เพราะเหตุผลที่ ส.ว.ท่านหนึ่งอภิปรายมาก็มีเหตุผล เพราะ 4 ร่างแก้ไขรายมาตราที่พรรคฝ่ายค้านเสนอด้วย อาจจะมีหลักการซ้ำซ้อนกับร่างแก้ไขมาตรา 256 เพื่อให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จนอาจมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความ เพราะการแก้ไขโดย ส.ส.ร. สามารถแก้ไขในส่วนอื่นๆ ที่เป็นเนื้อหาอีก 4 ร่างได้อยู่แล้ว ดังนั้น การเบรกเรื่องนี้ไว้เพื่อคุยกันในชั่วโมงสุดท้ายที่ ส.ว.มีท่าทีที่จะไม่รับนั้น เพื่อยืดเวลาก่อนที่จะล้มเหลวไปตามที่นายวิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาลเสนอก็มีเหตุผล เพราะถึงอย่างไรเรื่องนี้เป็นไฟต์บังคับของพรรคร่วมรัฐบาลที่จะต้องโหวตเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มี ส.ส.ร.ตามที่ลงชื่ออยู่แล้ว ปฏิเสธไม่ได้

นายนิกรกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในความเห็นส่วนตัว คิดว่าสิ่งที่ต้องไปอธิบายให้ ส.ว.เข้าใจถึงสถานการณ์ของประเทศที่มีความน่าเป็นห่วงมากว่าจะหนักถึงขั้นเป็นสถานการณ์วิกฤต เพราะต้องยอมรับว่าขณะนี้มีเชื้อจากหลายเรื่องซ้อนกันอยู่ โดยมีเรื่องรัฐธรรมนูญเป็นฟางเส้นสุดท้ายบนหลังอูฐแล้ว ที่อาจจะทำให้ประเทศไทยทรุดลงกับพื้นเลยก็ได้ โดยเฉพาะการชุมนุมที่คนรุ่นใหม่นัดในวันที่ 14 ตุลาคม ที่จะไม่ได้มีแค่ม็อบคนรุ่นใหม่เท่านั้น หากแต่จะรวมเอาผู้คนฝ่ายประชาธิปไตยมาด้วยมาก แต่ถ้ารัฐธรรมนูญได้รับการแก้ไขไปบ้าง ความกดดันในเรื่องต่างๆ จะลดลง ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ควรจะมีการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง ก่อนถึงเวลาจะเกิดเรื่อง เพราะ กมธ.สามารถตัดสินใจได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะไม่ใช่เรื่องที่ต้องศึกษาอะไรกันแล้ว เพียงแต่ไปคุยว่าจะทำหรือไม่ทำอะไร เป็นสถานการณ์ทางการเมืองล้วนๆ ซึ่งส่วนตัวยังมีความหวังว่าจะคุยกันได้ เพราะถ้าเป็นการหยุดเพื่อต่อลมหายใจ ทำความเข้าใจกันก่อนที่จะตกเหวไป เหตุการณ์ก็จะคลี่คลาย เพราะทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน ทั้งหมดจึงถือเป็นความรับผิดชอบของสภาโดยแท้ หากไม่รีบตัดสินใจสิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเรื่องที่เราแบกรับกันไม่ไหว ทั้งรัฐบาลในฐานะผู้รับผิดชอบบริหารประเทศและวุฒิสมาชิกผู้ยังลังเลอยู่จะปฏิเสธความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image