“นิพิฎฐ์” ชี้ ส.ว. แต่งตั้งเป็นฉนวนปัญหาหลังเลือกตั้ง อาจทำรัฐถูกยึดอำนาจอีก เชื่อ หากร่างรธน.ผ่าน แนวคิดเซ็ตซีโร่พรรคการเมืองมาแน่
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวประเมินถึงผลการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่า หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านและมีกฎหมายลูกแล้วนำไปสู่การเลือกตั้งตนคิดว่า พรรคเพื่อไทย(พท.) ก็ไม่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล เพราะดูทิศทางการเมือง และการออกแบบรัฐธรรมนูญ รวมทั้งวิวาทะระหว่างคนพรรคพท.กับรัฐบาลคสช.คงไม่สามารถร่วมหอลงโรงกันได้ แม้พรรคพท.คะแนนมาที่ 1 ก็ตาม เพราะรัฐบาลที่ตั้งขึ้นต้องอาศัยเพียงเสียง ส.ว สนับสนุนในการ โหวตเลือกนายกฯ ตนคิดว่า ส.ว.จะทำให้การเมืองหลังเลือกตั้งไม่มีความเป็นธรรม ไม่ว่าจะไปสนับสนุนหรือคัดค้านใคร เหมือนสิ่งที่น่ารังเกียจ ใครที่กล้าไปเกาะเกี่ยวกับอำนาจส.ว.ฝ่ายนั้นจะหมดความชอบธรรม สรุปว่าสิ่งที่จะสร้างปัญหาหลังการเลือกตั้ง คือ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง เหมือนนกฮูกไปจับหลังคาตอนกลางคืน และสมมุติว่าไปจับกับพรรคที่สอง สมมุติเป็นพรรคปชป. แล้วเอาทหารหรือคนนอกมากเป็นนายกฯพรรคปชป.ก็จะมีปัญหาสูญพันธุ์เลย หากมองให้แรงกว่านั้นคือหลังเลือกตั้งพรรคการเมืองไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ หมายว่า พรรคที่ 1 และพรรคที่ 2 จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นก็เกิดความวุ่นวาย จึงคิดว่ามันจะนำไปสู่การยึดอำนาจอีกครั้ง และครั้งนี้คงอยู่ยาว เพราะรัฐธรรมนูญถูกออกแบบไว้อย่างนั้น
“เพราะฉะนั้นแนวคิดในการเซ็ตซีโร่มีโอกาสเป็นไปได้สูง หลังพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ โดยจะมีการยุบพรรคการเมืองเพื่อสลายพรรคใหญ่ และมีพรรคอื่นตั้งขึ้นมารองรับอำนาจ สมมุติเป็นทหาร โดยนำสมาชิกบางส่วนทั้งที่เป็นอดีต ส.ส. และสมาชิกที่แตกจากพรรคใหญ่ทั้งพรรคพท. และพรรคปชป. ไปรวมเป็นพรรคที่ 3 ,4 หรือ 5 ก็ได้ ส่วนกรณีร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ก็จะนำรัฐธรรมนูญปี 2550 และข้อเสนอของ คสช.ที่มีต่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัย ฤชุพันธุ์ แต่ไม่ได้บัญญัติไว้ และจะเพิ่มขึ้นคือความเข้มข้นในร่างของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ โดยประการสำคัญจะต้องเขียนเป็นมาตรการเพื่อรองรับการลงจากอำนาจของ คสช.ด้วย” นายนิพิฎฐ์ กล่าว
