ทวี ย้ำ ทางออกประเทศต้อง แก้ รธน. 60 ร่างโดย ส.ส.ร.-ทำประชามติ

ทวี ย้ำ ทางออกประเทศต้อง แก้ รธน. 60 ร่างโดย ส.ส.ร.-ทำประชามติ

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคและ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชาติ ได้แสดงความคิดเห็นเมื่อวันที่ 28 กันยายนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.) ภายหลังจากการลงมติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 ถูกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ฝ่ายรัฐบาลเสนอตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาก่อนรับหลักการ ที่ถูกมองว่าเป็นเกมยื้อเวลาออกไปนั้น พันตำรวจเอก ทวี ยืนยันว่าทางออกของประเทศไทยคือการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 โดยจะต้องมี สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เป็นผู้จัดทำจึงจะได้รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด และการทำประชามติภายหลังจากผ่านวาระสามแล้ว

พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง กล่าวว่าตามที่วุฒิสมาชิกหลายท่านได้อภิปรายว่า การแก้ไข รธน.60 โดยตั้ง ส.ส.ร หรือแก้ไขทั้งฉบับนั้น จะต้องทำประชามติเสียก่อน เพราะ รธน.60 ได้ผ่านการประชามติมา โดยอ้างคำวินิจฉัยศาล รธน.ที่ 18-22/2555 เมื่อวันที่ 13 ก.ค.2555 ที่ขณะนั้นเป็นการใช้ รธน.ปี 50 ที่ได้ถูกยกเลิกไปจากผลการรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557

“ประเด็นการทำประชามติได้ถูกนำมาบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 60 แล้วตามมาตรา 256 (8) คือ เมื่อรัฐสภามีมติเห็นชอบวาระ 3 แล้ว ก่อนนำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์ หรือหมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะ ต้องห้ามของผู้ดํารงตําแหน่งต่าง ๆ ตามรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่หรืออํานาจของศาล หรือองค์กรอิสระ หรือเรื่องท่ีทําให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติตามหน้าที่หรืออํานาจได้ ก่อนดําเนินการ ให้จัดให้มีการออกเสียงประชามติตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าผลการออกเสียง ประชามติเห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จึงให้ดําเนินการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมนำ ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายต่อไป

Advertisement

ดังนั้น การแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 256 ซึ่งอยู่ในหมวด 15 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่ต้องให้ทำประชามติ แต่ทำหลังจากรับหลักการวาระ 1 วาระ 2 และมีมติเห็นชอบตามวาระ 3 แล้วจึงจะทำประชามติ และเรื่องการใช้สิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ที่เป็น ส.ส.ร. นั้น รธน.ปี 60 มาตรา 25 ได้คุ้มครองไว้เป็นหลักการ คือ การใดที่มิได้ห้ามหรือจํากัดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือในกฎหมายอื่น บุคคลย่อมมีสิทธิ และเสรีภาพที่จะทําการนั้นได้และได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ”

พันตำรวจเอก ทวี เป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้พบว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาต้องแก้ไขเกือบทั้งฉบับ โดยกล่าวว่า “รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มีความ ‘ไม่พอดี’ และ ‘ไม่สมดุล’ ทั้งในด้านโครงสร้างอำนาจ กลไก และมาตราการในการจัดสรรแบ่งปันผลประโยชน์ ทรัพยากร และความยุติธรรม ทั้งมีที่มาของ รธน. ที่เกิดจากคำสั่ง คสช.กระบวนการยกร่างขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนและถูกครอบงำ แม้จะอ้างว่ามีการลงประชามติรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่เป็นการประชามติที่ประชาชนรณรงค์ไม่เห็นด้วยถูกจับกุม ขาดเสรีภาพ เกิดความขัดแย้งและไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย”

“ในด้าน ‘เนื้อหารัฐธรรมนูญ’ หลายส่วนขัดกับหลักประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม เพราะคณะรัฐประหารและผู้ร่างไม่ไว้ใจประชาชน จึงมีอคติที่มีต่อนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เป็น รธน. ที่สร้างโครงสร้างอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ วุฒิสภา และโครงสร้างอำนาจรัฐ มีพลังอำนาจสูงสุด ผู้ดำรงตำแหน่งล้วนมีที่มาจากระบบการแต่งตั้งจากระบบราชการ กองทัพ และฝ่ายตุลาการ ที่มีอำนาจมากและปราศจากการตรวจสอบจากประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย”

Advertisement

“รัฐธรรมนูญ 60 เน้นการสร้างระบบรัฐราชการหรือรวมศูนย์อำนาจไว้ส่วนกลาง ไม่ได้บัญญัติเรื่อง ‘กระจายอำนาจ’ และยังกำหนดเรื่องความมั่นคงของรัฐเหนือความมั่นคงของปวงชน แม้บางเรื่องให้สิทธิเสรีภาพแต่อยู่ภายใต้ ‘ไม่กระทบกระเทือนหรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ’ หรือเป็นอำนาจเจ้าหน้าที่รัฐหรือฝ่ายบริหารอยู่เหนือสิทธิเสรีภาพและกฏหมาย เพราะรัฐธรรมนูญรับรอไว้เลย สิทธิเสรีภาพอื่นที่บัญญัติไว้แต่ต้องเป็นไปตามที่ ‘กฎหมายบัญญัติ’ หรือ ‘เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย’ แทบทั้งสิ้น”

พันตำรวจเอก ทวี เน้นย้ำว่า ‘บทเฉพาะกาล’ เป็นมรดกของ คสช. โดยกล่าวว่า “เป็นรัฐธรรมนูญซ้อนอีกฉบับที่เป็นการ ‘รัฐประหารเงียบ’ เพราะปกติ บทเฉพาะกาล เป็นที่บัญญัติให้ใช้เฉพาะในช่วงเวลาหนึ่งหรือกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นก่อนวันใช้บังคับกฎหมายนั้น แต่บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญปี 60 ได้บัญญัติให้ ‘สมาชิกวุฒิสภา’ จำนวนเป็น 250 คนมาจากการเลือกของคณะ คสช.มีกำหนด 5 ปี กำหนดภารกิจพิเศษ คือ เลือกนายกรัฐมนตรีที่เป็นตำแหน่งฝ่ายบริหารสูงสุด และมีอำนาจในการกำกับการปฏิรูปประเทศ ได้ถึง 2 สมัย เป็นเวลา 8 ปี หรือกำหนดชะตากรรมของประเทศถึง 8 ปี และในกรณีกฎหมายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอหากคณะรัฐมนตรีเห็นว่า ร่างกฎหมายใดเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศให้เป็นการพิจารณาร่วมกันในที่ประชุมของ ‘รัฐสภา’ จะมีเสียงสมาชิกวุฒิสภา 250 เสียงเข้าพิจารณาทำให้ คสช สืบทอดมรดกได้ทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ”

“ปัญหาวิกฤติของประเทศขณะนี้ ทั้งปัญหาสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ความมั่นคง และปัญหาคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความยากจน ยากไร้ ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหายาเสพติด ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นภาครัฐและเอกชนอย่างรุนแรง ปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และปัญหาอื่นๆที่ร้ายแรงในสังคม รวมถึงปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเพียงปลายเหตุ เพราะต้นเหตุของปัญหาบ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย ดังนั้นการจัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ที่สมาชิกมาจากการเลือกตั้งของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามร่างของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ต้องเชื่อมันในความคิดและปัญญาของประชาชน เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดและเป็นแก้ปัญหาที่เป็นต้นเหตุ คือ

ประการแรก เกิดจากความไม่เป็นประชาธิปไตย แต่เป็น”คณาธิปไตย” คือเป็นการปกครองบนโครงสร้างอำนาจที่บิดเบี้ยว อำนาจกระจุกอยู่กับผู้มีอำนาจและกลุ่มบุคคลส่วนน้อย เพราะฉะนั้นต้องสร้างความเป็นประชาธิปไตยขึ้นมาให้ได้

ประการที่สอง คือ ต้องให้มีการกระจ่ายอำนาจ งบประมาณ และทรัพยากรลงไปสู่ระดับท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนสามารถตัดสินใจในอนาคตของตัวเองได้ นี่คือกระบวนการที่เรียกว่าประชาธิปไตย

ประการที่สามคือ ต้องมีความยุติธรรม เกิดมาเป็นมนุษย์จะยากดีมีจน มีฐานะร่ำรวยหรือยากจนแต่ค่าของชีวิตเท่ากันหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ เพราะฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความรักความสามัคคีก็คือการอำนวยความยุติธรรมให้เกิดขึ้นให้จงได้

ประการที่สี่คือต้องมีการปฏิรูป คำว่าปฏิรูปในที่นี้คือการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นโดยกระบวนการสันติและประชาธิปไตย” พันตำรวจเอก ทวี กล่าว

มูฮัมหมัดรุสดี เชคฮารูณ
รองโฆษกพรรคประชาชาติ
28 ก.ย.63

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image