มองข้าม ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปยังการเคลื่อนไหว ตุลาคม
อาการ ‘มโน’ ทางการเมืองเมื่อเห็นภาพ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เมื่อมองเห็นภาพการลาออกจากตำแหน่งในพรรคของ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ และ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
กระทั่งจินตนาการถึงการกลับมาเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ประเทศของ นายทักษิณ ชินวัตร
บนพื้นฐานแห่งการร่วมมือกันเพื่อก่อตั้ง ‘รัฐบาลรวมพลังสร้างชาติ’ ระหว่างพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ เพื่อเป็น ‘รัฐบาลแห่งชาติ’ ตามคำชี้แนะจากฤาษีเกวาลันแห่งเทือกเขาหิมาลัย
สะท้อนให้เห็นความรู้สึกลึกๆ ที่ดำรงอยู่ภายในสังคมไทย กล่าวคือ 1 ยอมรับในความสามารถในเชิงบริหารของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เคยทำเอาไว้ในห้วงแห่งรัฐบาลพรรคไทยรักไทย
1 ยอมรับในบทบาทของพรรคเพื่อไทย
แม้จะเคยไม่ชอบ นายทักษิณ ชินวัตร แม้จะเคยไม่ชอบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย
ทั้งๆ ที่จินตนาการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยละเลยและมองข้ามบทบาทและความหมายของ ‘เยาวชนปลดแอก’ ที่ปรากฏขึ้นนับแต่เดือนกรกฎาคม 2563 ไปอย่างน่าเสียดาย
น่าประหลาดที่จินตนาการทั้งหมดล้วนมีรากฐานมาจากบรรดาผู้คนซึ่งเป็น ‘กองเชียร์’ รัฐประหาร แวดล้อมอยู่โดยรอบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เจตนาอาจเพื่อกำราบไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ไปยังพรรคภูมิใจไทย ไปยังพรรคชาติไทยพัฒนา
เจตนาอาจเพื่อ ‘ด้อยค่า’ ปรากฏการณ์ ‘เยาวชนปลดแอก’
อาจเพราะสังคมได้เกิดความตื่นรู้จากปรากฏการณ์ ‘เยาวชนปลดแอก’ มาแล้วเป็นอย่างดี จึงแทบไม่มีใครหลงเชื่อนอกจากบรรดาคนขวัญอ่อนในทางการเมือง
แต่ด้านหลักยังตระหนักถึงยุทธศาสตร์ของ ‘เยาวชนปลดแอก’ ที่มีเป้าหมายเพื่อปรับเปลี่ยน ”โครงสร้าง” ทางการเมืองเป็นอย่างดี
จึงมองข้าม ‘ตัวบุคคล’ เหมือนเป็นเพียงองค์ประกอบ ‘รอง’
ความเป็นจริงที่จะปรากฏผ่านการเคลื่อนไหวของ ‘เยาวชน’ นักเรียน นิสิตนักศึกษาและประชาชนในเดือนตุลาคม จะเป็นคำตอบอันเด่นชัดและตรงเป้าที่สุด
เป็นสัญญาณเตือนไปยังพรรคการเมือง นักการเมือง
โดยไม่เพียงมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น หากแต่อยู่ที่ 250 ส.ว.และเส้นทางของ ‘รัฐธรรมนูญ’ คือเป้าหมายสำคัญ
เส้นทางของ ‘เยาวชนปลดแอก’ จึงมากด้วยความหมาย