หากข่าวการคืนกลับพรรคเพื่อไทยของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นความจริง นี่คือความเป็นจริงอันสะท้อนการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคเพื่อไทยเป็น”ของจริง”
พลันที่ปมตรงนี้ได้รับการคลี่คลายก็จะต้องขอบคุณไม่เพียงแต่ การลาออกของ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เท่านั้น
หากยังขึ้นอยู่กับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อีกด้วย
เท่ากับยืนยันว่าปรากฏการณ์ 2 ปรากฎการณ์อันเกิดขึ้นในทาง การเมืองเป็นผลสะเทือนอันมาจากปัญหาภายในของพรรคเพื่อไทย อย่างแท้จริง
1 คือการประกาศถอนตัวออกจากพรรคเพื่อไทยของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และตั้งเป้าลงสมัครในนาม”กลุ่มรักกรุงเทพฯ”
ขณะเดียวกัน 1 ซึ่งมีความสำคัญไม่น้อย คือ การประกาศจัดตั้งกลุ่มแคร์ คิด ขับเคลื่อนไทย อันประกอบด้วยนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล นายภูมิธรรม เวชยชัย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
ทั้งๆที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย คือ ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน
สัญญาณแรกของการปรับโครงสร้างภายในพรรคเพื่อไทยภายหลังการลาออกทั้ง นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ จากหัวหน้าพรรค คุณหญิงสุ ดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จากประธานยุทธศาสตร์พรรค
จึงคือ การส่งเทียบเชิญให้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หวนกลับพรรคเพื่อไทย
หากสมัครผู้ว่าฯกทม.ก็กระทำในนามของพรรคเพื่อไทย
หากเทียบเชิญนี้มีการขานรับจาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ด้วยสันถวมิตรอันสนิทสนม นั่นหมายถึงแนวโน้มที่กลุ่มแคร์ คิดขับเคลื่อนไทยจะกระทำในลักษณาการเดียวกัน
นั่นหมายถึงการประสานแนบแน่นยิ่งขึ้นของกลุ่มแคร์ คิดขับ เคลื่อนไทยกับพรรคเพื่อไทย
มิใช่เพื่อ”รัฐบาลแห่งชาติ”หากแต่เพื่อสัประยุทธ์อย่างเต็มพลัง
ไม่ว่าจะเป็นความต้องการจาก นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าจะเป็นการ ออกแรงจาก คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร แต่ภายในพรรคเพื่อไทยก็ยังเดินหน้าในทิศทางเดียวกับพรรคไทยรักไทยไม่แปรเปลี่ยน
เพียงแต่มีความจำเป็นต้องปรับให้รับกับศตวรรษที่ 21
เพื่อที่จะอาศัยสถานการณ์หลังโควิดปรับขบวนและโครงสร้าง เพื่อให้เหมาะกับยุคแห่งนวัตกรรมใหม่ในทางการเมือง
นี่ย่อมเป็นการปฏิรูป”เพื่อไทย”ที่ควรค่าแก่การติดตามยิ่ง