‘เพนกวิน’ ยันไม่มอบตัว ซัดตั้งข้อหาไม่เป็นธรรม ระวัง ปชช.ตัดสิน โต้กระแสชุมนุม ไม่แผ่ว

‘เพนกวิน’ ยันไม่มอบตัว ซัดตั้งข้อหาไม่เป็นธรรม ระวัง ปชช.ตัดสิน โต้กระแสชุมนุม ไม่แผ่ว

เมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่สถานีตำรวจบางเขน กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มแกนนำเยาวชน จำนวน 7 คน นำโดย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือแพนกวิน แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, นายสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ หรือขนุน แกนนำ มศว คนรุ่นเปลี่ยน, น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล แกนนำกลุ่มมหานครเพื่อประชาธิปไตย, น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก หรือลูกตาล กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และพวกอีก 3 คน เดินทางเข้ารับทราบข้อหาตามหมายเรียกของ สน.บางเขน ที่ระบุข้อหาชุมนุมสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้ แกนนำคาดว่ามาจากเหตุชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัว นายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ที่หน้า สน.บางเขน เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีทนายความศูนย์สิทธิมนุษยชนมาเป็นทนายให้แกนนำ ทั้ง 7 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 12.50 น. บรรยากาศก่อนถึงเวลานัดหมายรับทราบข้อกล่าวหาเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนมาร่วมให้กำลังใจแกนนำอย่างต่อเนื่อง

นายพริษฐ์กล่าวถึงกฎหมายมาตรา 116 ด้วยว่า ไม่ใช่มาตราที่มีอยู่ในทุกประเทศ ส่วนตัวมองว่า อย่างมากคำว่า สร้างความวุ่นวาย ปั่นป่วน หมายถึงเราไปเตะถังขยะทิ้งขว้าง ซึ่งย้อนกลับไป หากเป็นประเทศเป็นประชาธิปไตย จะไม่มีการกล่าวหาใครว่ายุยง ปลุกปั่น เพราะการวิพากษ์วิจารณ์รัฐไม่ใช่การยุยง แต่คือการแสดงความคิดเห็น ประเทศที่มีประชาธิปไตยมั่นคงสิ่งนี้คือเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งกลับหาว่าเราเป็นขบถต่อรัฐ เหมือน กปปส. นปช. พันธมิตร เขาก็ทำได้ จึงไม่สมควรคงกฎหมายนี้ไว้ ควรยกเลิกมาตรานี้ ซึ่งส่วนตัวเห็นด้วยหลังสภามีข้อเสนอนี้ เพราะรัฐบาลคือลูกน้องของประชาชน ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศต้องมีสิทธิวิพากษ์คนที่มาบริหารประเทศ

Advertisement

“ส่วนตัวมี 8 คดี ในชั้นศาล ซึ่งมากจนจำไม่ได้ หมายเรียกทยอยมาครบแล้ว ยังมีหมายจับเหลืออีก 1 หมาย เป็นการแอบยัดหมายจับวันที่ 10 สิงหาคม เราจัดกิจกรรมในมหาวิทยาลัย ไม่ได้มีความวุ่นวายอะไร คณะผู้ปราศรัยโดน ลามไปถึงผู้จัด และลามไปถึงเหรัญญิก มีไว้ทำอะไร ใจความสำคัญของกฎหมายนี้คือใครตั้งตนไม่เห็นด้วยรัฐบาล ต้องโดนมาตรา 116 เราจะอยู่ในสังคมแบบนี้ต่อไปหรือ”

“ยังยืนยันว่าการที่เราถูกฟ้องและกล่าวหาหลายข้อหา บางข้อหาไร้สาระมาก เช่นผูกโบขาวที่เสาไฟฟ้า ถูกตั้งข้อหาติดตั้งป้ายโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต เข้าใจว่าเป็นนโยบาย เขารู้ว่าตั้งแบบนี้ 6-7 ข้อหาในสัปดาห์เดียวทำให้เราต้องเทียวไปเทียวมา แทนที่จะสร้างสรรค์อะไรให้เกิดประโยชน์ ทำให้เราล้า เวลานี้รัฐควรทบทวนหมายเรียก โปรดระวังการตั้งข้อหาที่ไม่เป็นธรรม ค้านสายตาประชาชน ซึ่งอาจโดนเรื่องการใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรม และถูกตัดสินโดยสายตาประชาชน แม้ไม่ได้เป็นตำรวจหรือผู้พิพากษา แต่สุดท้ายเชื่อว่าประชาชนจะเป็นคนตัดสิน ไม่ได้ตัดสินที่ตัวบุคคล แต่ตัดสินทั้งกระบวนการยุติธรรม” นายพริษฐ์กล่าว

Advertisement

นายพริษฐ์ยังกล่าวถึงกระแสที่มีผู้มองว่าการชุมนุมของนักศึกษาแผ่วลง ด้วยว่า แผ่วลงอย่างไร ไม่เข้าใจ มวลชนเพิ่มขึ้นตลอด จาก 500 เป็น 10,000 กระโดดมาเป็นแสน ตั้งแต่ MRT สนามชัย ไหลมาสนามหลวง แน่นขนัด เท่ากับวินาทีหนึ่งคนเดินเข้าสนามหลวงหลักหมื่นคน นี่คือปฏิบัติการของรัฐเพื่อตัดขวัญกำลังใจเราว่าอยู่ในขาลง ทั้งที่เราอยู่ในขาขึ้น เหมือนการชุมนุมที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 24 กันยายน รณรงค์แค่ชั่วข้ามคืนคนมาเป็นหมื่น มันแผ่วยังไง

เมื่อถามว่ามีแผนจะมอบตัวหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ไม่ เราไม่ได้ทำอะไรผิด ข้อหาที่ตั้งมีวัตถุประสงค์ทางการเมือง ไม่ใช่เพื่อความยุติธรรม เราจึงไม่ยอมรับการตั้งข้อหาที่พยายามขัดขาฝ่ายตรงข้าม

เมื่อถามเรื่องการชุมนุมวันที่ 14 ตุลาคม ที่มีกระแสว่าจะชุมนุม 7 วัน 7 คืนนั้นจริงหรือไม่ นายพริษฐ์เผยว่า หลังจากมีการพิจารณาจะแถลงอย่างเป็นทางการ ส่วนเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีความเห็นว่า เป็นหนึ่งในเรื่องที่จะต้องดำเนินการ

“รัฐบาลสรรหาเรื่องให้ทุกวัน พรุ่งนี้ พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีจะต้องประกาศใช้ ซึ่งหากรัฐไม่สามารถเบิกจ่ายได้ จะกระทบกับประชาชน คืออีกประเด็นที่น่าจับตา” นายพริษฐ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image