09.00 INDEX การเคลื่อนไหว เดือนตุลาคม กับดุลพินิจ พรรคร่วมรัฐบาล
ไม่ว่ามอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่ามอง พล.อ.ประ วิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่ามอง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มีความเด่นชัด
เด่นชัดยิ่งว่ามิได้มีความต้องการจะแก้ไขเพิ่มเติม “รัฐธรรมนูญ” แม้แต่น้อย
บนพื้นฐานที่ “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา”
เด่นชัดยิ่งว่าหากจะมีการยอมรับต่อร่างแก้ไขเพิ่มเติมก็ให้น้ำหนักไปยังร่างแก้ไขเพิ่มเติมซึ่งเสนอโดยพรรคร่วมรัฐบาลเป็นอันดับรอง ร่างแก้ไขเพิ่มเติมของฝ่ายค้านเป็นพระอันดับ
เด่นชัดยิ่งว่าภายในกระบวนการยอมรับนั้นก็จะดำเนินการด้วย ความยอกย้อนผ่านมาตรการเตะถ่วงหน่วงยื้ออย่างสุดแรงเกิด อาจมีกระทั่งต้องลงประชามติก่อนจะมีการแก้ไขด้วยซ้ำไป
ความเด่นชัดนี้มิได้เป็นความลับหาก 1 เป็นที่รับรู้โดยพรรคพลัง ประชารัฐ 1 เป็นที่รับรู้โดย 250 ส.ว.
คำถามอยู่ที่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร
การที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา เข้าร่วมในการขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนมิถุนายน 2562
อาจอ้างได้ว่าอยู่ในภาวะจำยอมเนื่องจาก “ไฟท์บังคับ” จากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มี 250 ส.ว.อยู่ในมือ
และการใช้อภินิหารทางกฎหมายผ่าน “กกต.”
บางพรรคการเมืองอาจเข้าร่วมพร้อมกับเงื่อนไขให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้รับการบรรจุเป็น “นโยบายเร่งด่วน” อย่างเช่นพรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น
แต่เมื่อผ่านจากเดือนมิถุนายน 2562 มาถึงเดือนตุลาคม 2563 ทุกพรรคย่อมตระหนักเป็นอย่างดีว่า 1 รัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือในการเผด็จอำนาจและสร้าง “ระบอบประยุทธ์” ขึ้นอย่างไร
และ 1 กลยุทธ์ในการยื้อเวลาดำเนินอย่างฉ้อฉลมากเพียงใด
สังคมจึงเรียกร้องความแจ่มชัดจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนาอย่างเป็นพิเศษ
เดือนตุลาคมจึงเป็นเดือนแห่งการขบคิด ใคร่ครวญและรับฟังเสียงจากสังคมอย่างเป็นพิเศษว่ามีความเรียกร้องต้องการอย่างไร
การเคลื่อนไหวในเดือนตุลาคมจึงสำคัญต่อการตัดสินใจ
ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา