บทนำ : ยังต้องสวมหน้ากาก

สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในประเทศไทย ถือว่าอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี อย่างไรก็ตาม ทางราชการพบว่ามีประเด็นน่าห่วงใย ดังที่ พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เผยว่าขณะนี้ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,569 ราย อยู่ในลำดับที่ 138 ของโลก ซึ่งประชาชนจะต้องมีวินัย การ์ดอย่าตก เพื่อป้องกันการกลับมา
ระบาดระลอกใหม่ กรมควบคุมโรคได้สำรวจการรับรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนเรื่องโรคโควิด-19 แล้ว 21 ครั้ง ล่าสุดระหว่างวันที่ 16-28 กันยายน พบว่าการสวมหน้ากากในช่วงไม่มีอาการป่วยลดลงอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยสูงสุดร้อยละ 93.5 เหลือร้อยละ 66.9 ส่วนการสวมหน้ากากเมื่อมีอาการป่วยมีแนวโน้มคงที่คือร้อยละ 91 แต่ก็น้อยกว่าช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ที่มีการระบาดภายในประเทศ ที่สูงถึงร้อยละ 94.9

โฆษกกระทรวงสาธารณสุขเผยต่อไปว่า เมื่อถามว่าจะเลิกสวมหน้ากากเมื่อไหร่ ประชาชนที่ตอบว่าจะสวมหน้ากากต่อเนื่องลดลง เหลือเพียงร้อยละ 55.3 จะเลิกสวมหน้ากากเมื่อไม่มีรายงานผู้ป่วยในประเทศร้อยละ 43.7 เมื่อไม่มีรายงานในต่างประเทศ ร้อยละ 37.7 นอกจากนี้พบว่า ประชาชนมีแนวโน้มเลิกสวมหน้ากากอนามัยเมื่อไม่มีอาการป่วยเพิ่มขึ้น ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เป็นต้นมา เนื่องจากหาซื้อได้ง่ายและราคาถูกลง ขอย้ำให้ประชาชนร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้านและตลอดเวลาขณะอยู่ในพื้นที่สาธารณะ

ที่น่าสนใจ โฆษกกระทรวงสาธารณสุขยังระบุว่าการสวมหน้ากาก และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด ยังช่วยทำให้การเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจลดลงด้วย โดยตั้งแต่ 1 มกราคม-26 กันยายน ของปีนี้ พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ลดลง มีรายงานผู้ป่วยเพียง 110,930 ราย เสียชีวิต 4 ราย ขณะที่ในช่วงเดียวกันของปี 2562 มีผู้ป่วย 304,4225 ราย โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน 621,445 ราย เสียชีวิต 2 ราย ลดลงจากในช่วงเดียวกันปี 2562 ที่พบ 883,449 ราย เสียชีวิต 5 ราย ดังนั้น การสวมหน้ากากจึงเป็นมาตรการง่ายที่ให้ประโยชน์สูง หากประชาชนรักษาวินัยอย่างเข้มแข็ง จะเป็นพื้นฐานในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ด้วยการให้เปิดประเทศ เพื่อสร้างรายได้จากธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นที่มาของรายได้ที่สำคัญมาก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image