บทนำ : คดีน้องชมพู่

บทนำ : คดีน้องชมพู่

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำคณะแถลงคดีการเสียชีวิตปริศนาของ ด.ญ.อรวรรณ วงค์ปรีชา หรือ “น้องชมพู่” อายุ 3 ขวบ ที่พบเป็นศพบนเขาภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก หมู่ 2 ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ซึ่งสืบสวนหาคนร้ายมานานเกือบ 4 เดือน เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.กก.1 บก.สส.บช.น. แถลงว่า คณะทำงานได้สอบพยาน 384 ปาก นำเข้าสำนวน 120 ปาก สอบผู้เชี่ยวชาญ 13 ปาก เก็บวัตถุพยานส่งพิสูจน์แล้ว 113 ชิ้น จากที่เกิดเหตุ 16 ชิ้นสำคัญ เก็บพันธุกรรม 154 พยาน มีสำนวนการสอบสวน 918 หน้า และผลการสรุปสำนวนการชันสูตรศพ ยืนยันว่าน้องชมพู่ไม่สามารถเดินขึ้นไปบนภูเหล็กไฟด้วยตัวเอง

ส่วน พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า มีกระแสข่าวว่าเป็นการแถลงปิดคดี ยืนยันว่าไม่ใช่ เป็นการแถลงความคืบหน้าในส่วนที่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เบื้องต้นตั้งข้อหาพรากเด็กและกักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต เคลื่อนย้ายซ่อนเร้นทำลายศพ แต่ไม่มีหลักฐานมากพอจะออกหมายจับหรือดำเนินคดีกับใครได้ แต่สรุปได้ว่า มีคนนำน้องชมพู่ไปยังจุดพบศพ พร้อมกับยืนยันว่าตามระเบียบตำรวจ หากไม่สามารถดำเนินคดีกับใครภายใน 1 ปีได้ ต้องส่งสำนวนให้อัยการ แต่การสืบสวนยังคงเดินต่อ หากมีพยานหลักฐานที่สามารถเอาผิดได้ คดีนี้จะมีอายุความ 20 ปี

ในการแถลงข่าว มีผู้ถามว่าจะทำอย่างไรกับลุงพลที่ตกเป็นจำเลยสังคม พล.ต.อ.สุวัฒน์ตอบว่า ก็ต้องถามว่า แล้วใครเป็นผู้มอบตำแหน่งดังกล่าวให้กับลุงพล สำหรับคดีนี้ดำเนินมาด้วยความสับสน สื่อโดยเฉพาะโทรทัศน์บางช่องได้นำเสนออย่างละเอียด มีการหักล้างและสนับสนุนในข้อสงสัยต่างๆ จนเกิดกระแสเห็นใจและเกลียดชัง มีบุคคลในวงการบันเทิงนำลุงพลไปร้องเพลงบันทึกเสียง เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาสินค้า จนถูกสังคมวิจารณ์อย่างหนัก ผู้ทำงานด้านข่าวและผู้สื่อข่าวที่เกี่ยวข้องได้ประกาศลาออก เพราะรับไม่ได้กับการนำเสนอ ถือเป็นบทเรียนในการทำงานข่าวอีกบทหนึ่ง อย่างไรก็ตาม มีผลทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังในการทำงานมากขึ้น และเป็นเรื่องดีที่ตำรวจจะสืบสวนคดีนี้ต่อไป โดยเน้นในเรื่องของพยานหลักฐาน อันเป็นแนวทางมาตรฐานและเป็นไปตามกฎหมาย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image