ทำไมการปรากฏชื่อ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ในฐานะว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงไม่สร้างความฮือฮาขึ้นในความสนใจของสังคม
ทั้งที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เป็นดุษฎีบัณฑิตในทางเศรษฐศาสตร์ เคยเป็นเลขาธิการสภาพัฒน์ฯ
เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
หากจะมองว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ อยู่ในสถานะแห่งความเป็น ”เทคโนแครท” ก็ย่อมได้เพราะเคยเป็นเลขาธิการสภาพัฒน์ฯอันเป็นหน่วยงานระดับมันสมองของประเทศ
หากจะมองว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ อยู่ในสถานะแห่งนักการเมืองก็ย่อมได้ เพราะเคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในรัฐบาลหลังรัฐประหารเมื่อปี 2557
เคยร่วมอยู่ในรัฐมนตรีเศรษฐกิจทั้งยุค ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล และยุค นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
เหตุผลทั้งหมดนั้นแหละที่ทำให้ชื่อของ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ หมดความน่าสนใจ
คำถามก็คือ หาก นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เก่งจริงโดดเด่นจริงเหตุใด จึงไม่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตั้งแต่ยุคหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
เหตุใดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงตกเป็นของ นายสมหมาย ภาษี
เหตุใดจึงตกเป็นของ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์
และเมื่อผ่านการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 มาแล้วจึงตกเป็นของ นายอุตตม สาวนายน
ยิ่งกว่านั้น เมื่อทีมของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ถูกกดดันให้ลาออกพร้อมกับ นายอุตตม สาวนายน ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงตกเป็นของ นายปรีดี ดาวฉาย
เหตุใดจึงไม่เป็นของ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ
ต่อเมื่อ นายปรีดี ดาวฉาย แพ้ภัยเพียง 20 วันนั้นหรอกเก้าอี้นี้จึงเป็นของ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ
ยิ่งเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยกย่องอย่างยอดเยี่ยม ยิ่งเมื่อมีคำชมเชยชื่นชอบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ เฮ้งสวัสดิ์ ต่อการมาของ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ
แทนที่จะทำให้สูงเด่นกลับสร้างความกังขา
เป็นความกังขาต่อดุลพินิจ นายสุชาติ เฮ้งสวัสดิ์ เป็นความกังขาต่อการเลือกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
