อดีตนักโทษประชามติลั่น 14 ตุลา รัฐบาลประยุทธ์ ‘ต้องจบในรุ่นเรา’ จวกรธน.ไม่ชอบธรรม
เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม บริเวณลานสวป. หน้าหอประชุมพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ‘เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย’ จัดกิจกรรม ‘ปลุกลาน สวป. สานต่อวีรชน ‘
เวลาประมาณ 17.15 น. เริ่มเวทีปราศรัยโดย นายกฤษณะ ไก่แก้ว จาก เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย มีเนื้อหาเกี่ยวกับความสำคัญของการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2560 การเรียกร้องให้ยุบสภาและยกเลิก ส.ว. ตั้ง สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง ให้นักเรียน นักศึกษา ประชาชนมีส่วนร่วมกับรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ ในช่วงหนึ่ง ผู้จัดงาน ยังกล่าวถึงประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของนักศึกษา ม.รามคำแหง โดยระบุว่า กิจกรรมครั้งนี้คือกิจกรรมประชาธิปไตยครั้งแรก หลังจากเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ซึ่งลาน สวป. สถานที่จัดกิจกรรมนี้ เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์การชุมนุมในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งมีนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
ต่อมา เวลา 18.00 น. ผู้ร่วมกิจกรรมยืนเคารพธงชาติ พร้อมชู 3 นิ้ว แล้วตะโกน ‘ประชาธิปไตยจงเจริญ’
จากนั้น มีการแสดงบริเวณหน้าเวทีปราศรัยโดย ‘เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย’ มีเนื้อหาจำลองเหตุการณ์การต่อสู้ทางการเมือง โดยเฉพาะ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งมีการทำร้ายนักศึกษาประชาชน ลากศพ รัดคอด้วยเชือกมะนิลา เมื่อจบการแสดง มีการร่วมยืนไว้อาลัยแก่ผู้สละชีพ
เวลาประมาณ 18.10 น. นายกรกช แสงเย็นพันธ์ อดีตนักโทษคดีประชามติ ขึ้นปราศรัย ประเด็นความไม่ชอบธรรมของรัฐธรรมนูญ 2560 รวมถึงวิพากษ์วิจารณ์บทบาทของกองทัพที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองโดยการรัฐประหาร
“ปัญหาการเมืองไทยคือ เราไม่มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย เราได้รับผลกระทบจากรัฐธรรมนูญ2560 ซึ่งรัฐบาลโฆษณาว่าปราบโกง แต่ปราบจริงหรือเปล่าไม่รู้ เมื่อเราไม่เห็นด้วย จึงออกไปรณรงค์ไม่รับร่าง ผลคือติดคุก ต่อมาก็ได้ส.ว.มาเลือกนายก
เราต้องออกมาไล่ประยุทธ์ เพราะทำให้ไทยไม่มีประชาธิปไตยที่แท้จริง วันที่ 14 ตุลาคมนี้ขอให้รัฐบาลประยุทธ์จบในรุ่นเรา” นายกรกชกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเวลาเดียวกัน ฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ร่วมกิจกรรมยังคงปักหลักฟังปราศรัย โดยกางร่มนั่งบนลานสวป. ต่อไป
ทั้งนี้ ลาน สวป. เป็นการเรียกชื่อตามที่ตั้งลานซึ่งอยู่ด้านหน้าสำนักบริการทางวิชาการและทดสอบประเมินผล (สวป.)
