09.00 INDEX กระแส เรียกร้อง กดดันการเมือง ต่อ 3 พรรคการเมือง ร่วมรัฐบาล
ถามว่าหากไม่มีการเคลื่อนไหวของ “เยาวชนปลดแอก” ตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นต้นมา จะมีการยื่นญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญหรือไม่
ตอบได้ว่ามี แต่มิใช่ในเดือนสิงหาคม แต่มิใช่การบรรจุเข้าระเบียบวาระในเดือนกันยายน
เพราะไม่เห็นวี่แววอะไรจากพรรคพลังประชารัฐ เห็นก็แต่ความ พยายามอย่างเต็มเรี่ยวแรวจากพรรคร่วมฝ่ายค้านที่พยายามผลักดันในทุกวิถีทาง
ยิ่งกว่านั้น เมื่อมีการเสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมไม่ว่าจะมาจาก พรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะมาจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะมาจากภาคประชาชนร่วม 1 แสนกว่ารายชื่อ
ภาพที่สังคมได้สัมผัสกลับกลายเป็นความพยายามเตะถ่วงหน่วงรั้งมิให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญดำเนินไปตามครรลองอันชอบหากเกลื่อนไปด้วยกลยุทธ์อันสะท้อนความแน่วแน่เพียงอย่างเดียว
นั่นก็คือ ทำอย่างไรไม่ให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญดำเนิน ไปด้วยความราบรื่นตามความต้องการของสังคม
อย่าได้แปลกใจที่ยิ่งผ่านจากเดือนกรกฎาคม เข้าสู่เดือนสิงหาคม เข้าสู่เดือนกันยายนและเดือนตุลาคม ยิ่งมีการขยายตัวของการชุมนุมเคลื่อนไหวของเยาวชน นักเรียน นิสิตนักศึกษา
เป็นการเคลื่อนไหวท่ามกลางการสกัดขัดขวาง ท่ามกลางการเตะถ่วงหน่วงยื้อ ซื้อเวลา
โดยเฉพาะการสมคบคิดพรรคพลังประชารัฐกับ 250 ส.ว.
อันเท่ากับเป็นเงาสะท้อนแห่งเจตจำนงทางการเมืองของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ไม่ต้อง การการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
เสียงเรียกร้องต่อมโนธรรมสำนึกของพรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะต่อพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒ นา จึงเริ่มดังกระหึ่ม
หาก 3 พรรคการเมืองนี้ไม่ร่วมเดิน “กลยุทธ์” ไปกับพรรคพลังประชารัฐและ 250 ส.ว.การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองย่อมเกิดขึ้น
เด่นชัดยิ่งว่ายิ่งใกล้ถึงการเคลื่อนไหววันที่ 14 ตุลาคม กระแสกดดัน และเรียกร้องต่อพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิ ใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา จะยิ่งกระหึ่ม
3 พรรคการเมืองนี้ได้กลายเป็นปัจจัยชี้ทิศทางของการเมือง
ว่าจะยืนอยู่เคียงข้าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือยืนอยู่เคียงข้างฝ่ายประชาธิปไตย ยืนข้างอำนาจของประชาชน