วันที่ 6 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น (คปต.) เปิดเผยว่า ได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีหัวหน้าคณะ คสช.และ คสช.ในฐานะทำหน้าที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) และผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึก (ผอ.อผศ.) มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ อผศ.ทั้งที่ คสช.น่าจะทราบดีว่า อผศ.ไม่มีขีดความสามารถเพียงพอ สำหรับการรับจ้างในการดำเนินงานหลายโครงการให้กับหน่วยงานราชการจำนวนมาก เช่น ให้สิทธิพิเศษในการรับจ้างพัฒนา งานต่างๆ ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐด้วยวิธีพิเศษ โดยไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตาม ระเบียบว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และหลักฐานที่ทำให้น่าเชื่อว่ามีการกระทำความผิดเนื่องจากโครงการต่างๆ ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ให้ อผศ.รับจ้างด้วยวิธีพิเศษ
นายวีระ กล่าวว่า หลังการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 หลังจากการรัฐประหารเพียง 25 วัน ในวันที่15 มิถุนายน 2557 ฝ่ายเศรษฐกิจของ คสช.ได้ทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อขอสิทธิพิเศษในการรับจ้างพัฒนาหรือก่อสร้างปรับปรุง ฟื้นฟูแหล่งน้ำ งานขุดลอกคูคลอง ลำรางสาธารณะ งานสร้างฝายกั้นน้ำ และงานลอกท่อระบายน้ำ ต่อมา วันที่ 1 กรกฎาคม 2557 ปลัดกระทรวงการคลัง ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ทำหนังสือตอบกลับไปยัง เลขาธิการ คสช. แจ้งว่ากระทรวงการคลังเห็นชอบด้วยกับมติของคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษฯ โดยมีเงื่อนไขให้ อผศ. ต้องเป็นผู้ดำเนินการเอง
เลขาธิการ คปต.กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่าเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2557 อผศ.ได้ทำสัญญาล่วงหน้า กับหน่วยงานราชการหลายแห่งในหลายจังหวัด โดย คสช.ยังไม่มีมติแต่อย่างใด ดังนั้นยืนยันว่ากลุ่มบุคคลที่ร่วมกันกระทำความผิด จึงผลักดันให้เกิดกระแสรับร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะ มาตรา 279 เพื่อใช้นิรโทษกรรม ทั้งที่อ้างว่าเป็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง แต่ตนมองว่าน่าจะเป็นร่างรัฐธรรมนูญที่ช่วยคนโกง ไม่ให้ได้รับโทษ
