ศาลแขวงปทุมวัน อนุญาตผัดฟ้อง แต่ยกคำร้องฝากขัง 8 ผู้ชุมนุมแยกปทุมวัน เชื่อไม่มีพฤติการณ์หลบหนีโฆษก พท.เผยมติพรรคระดมเงินช่วยประชาชนที่ถูกจับกุม
เมื่อช่วงเช้า วันที่ 17 ตุลาคม ที่ศาลแขวงปทุมวัน ถนนพระราม 4 พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน นำตัว นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์อายุ 52 ปี, นายณัฐนนท์ ดวงสูงเนิน อายุ 22 ปี, นายเอฐ์เรียฐ์ ฟอฟิอายุ 29 ปี, นายอรรถพล วินทะไชย อายุ 22 ปี นายคณิติน ติเยาว์ อายุ 24 ปี นายอินทราช แสงอินทร์ อายุ 23 ปี 6 ผู้ต้องหา ความผิดฐานชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หรือกระทำการอันเป็นการยั่วยุให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยอันเป็นการฝ่าฝืนข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548 ในคดีชุมนุมเเยกปทุมวันไปผัดฟ้องฝากขัง เป็นเวลา 6 วัน
นอกจากนี้ ยังยื่นผัดฟ้องฝากขัง นายพรพสุธ ชูรอด อายุ 24 ปี และ น.ส.ชลธิชา คุ้มจันทร์อัด อายุ 22 ปี ถูกตั้งข้อหา ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย และนำยานพาหนะซึ่งบรรทุกเครื่องขยายเสียง และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเคลื่อนที่เข้ามาใช้ในพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโดยไม่ได้รับอนุญาต
ต่อมา ศาลแขวงปทุมวัน อนุญาตให้ผัดฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 เป็นเวลา 6 วันนับตั้งแต่วันที่ 17-22 ต.ค.นี้ โดยยกคำร้องในส่วนขอฝากขังผู้ต้องหาเนื่องจากเห็นว่า ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ผู้ต้องหาทั้ง 8 จึงได้รับการปล่อยตัวไปในชั้นนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นางสาวละออง ติยะไพรัช ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย นำหลักทรัพย์ที่ได้จากการตั้งกองทุนของพรรค และเงินรวบรวมจาก กลุ่ม ส.ส.มามอบให้กับทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เพื่อใช้ประกอบการยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ที่ถูกจับกุมจากการชุมนุมที่แยกปทุมวัน เมื่อวานนี้ทั้งหมด
โดย น.ส.อรุณีเผยว่า ตนทราบว่าตำรวจได้แยกดำเนินคดีผู้ที่ถูกจับกุม แบ่งเป็นของ สน.ปทุมวัน 8 คนและสน.ลุมพินี 3 คน และเชื่อว่าหลังจากนี้จะมี นักศึกษา เยาวชน และประชาชน ถูกจับกุมดำเนินคดีอีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจากการหารือภายในพรรค จึงมีมติในการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ถูกดำเนินคดีดังกล่าวขึ้น โดยเงินในกองทุนจะมาจาก 2 ส่วน คือ ประชาชนบริจาค และการระดมทุนจาก ส.ส.ของพรรค ส่วนท่าทีของทางพรรค ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงทุกกรณี และการแถลงข่าวต่อไปหลังจากนี้ อาจใช้วิธีการไลฟ์สด ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียแทนการจัดแถลงข่าว หลังจากที่เกิดกรณีการดำเนินคดีกับพรรคก้าวไกล ขณะเตรียมแถลงข่าวเรื่องความเห็นของสังคมเมื่อวานนี้
