นิกร ชงรัฐสภาตั้งคกก. 5 ฝ่ายแก้วิกฤติ ชี้รูปแบบกมธ.ยึดระบบสัดส่วน ไม่เปิดกว้างให้คนนอก

“นิกร” ชงรัฐสภา ตั้งคกก. 5 ฝ่ายแก้วิกฤตชาติ ชี้ ถึงเวลาต้องเปลี่ยนวิธีตั้งคณะทำงาน หวั่น ระบบกมธ.ยึดระบบสัดส่วน จนไม่เปิดกว้างให้คนนอก

เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่างถึงการประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภาวันที่ 26-27 ตุลาคม ว่า แม้ส่วนตัวจะประเมินว่า การเปิดประชุมทั้ง 2 วันจะยังไม่มีผลสัมฤทธิ์ในการแก้ไขปัญหาในขณะนี้ได้ แต่เชื่อว่า จะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลงแน่นอน เพราะต้องยอมรับว่า วันนี้แต่ละฝ่ายต่างคนต่างพูดถึงทางออกของประเทศอยู่ในมุมของตนเอง พูดกันคนละที คนละเวลา และพูดกันคนละสถานการณ์กันอยู่ บางคนเลือกพูดในที่ลับ บางคนพูดในที่แจ้งโดยไม่ได้สื่อสารกัน ดังนั้น การเปิดประชุมรัฐสภา จึงถือเป็นเวทีให้ทุกฝ่ายในฐานะที่เป็นคนไทยมาสื่อสารร่วมกัน มาพูดความคิดของตัวเองร่วมกันหน้าประชาชนเพื่อให้ความเห็นที่อยู่กันคนละทิศละทางได้ร่วมศูนย์ โดยมีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาของประเทศ ซึ่งตนมั่นใจว่า ในการอภิปรายทั้ง 2 วันจะมีทางออกดีๆ หรือมีกลไกของรัฐสภาในการแก้ไขปัญหาร่วมกันแน่นอน

นายนิกร กล่าวว่า แม้ในการประชุมดังกล่าว จะไม่สามารถลงคะแนนเพื่อโหวตรับหลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ แต่ในฐานะที่เป็นผู้จัดทำรายงานของกมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมก่อนรับหลักการ เชื่อว่า จะมีสมาชิกนำประเด็นที่สรุปแล้วไปอภิปราย เพื่อทำให้สังคมได้ทราบว่า จริงๆเรื่องนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว เพื่อเป็นทางออกที่เป็นรูปธรรมเพื่อคลี่คลายแรงกดดันก่อนที่การเปิดประชุมสมัยทั่วไปจะเริ่มต้นขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า สถานการณ์ที่ผ่านมามันเป็นผลลบมากเกินกว่าที่ประเทศจะรับได้แล้ว จากนี้ตนขอคิดในแง่บวก โดยหวังว่าการอภิปรายทั้ง 2 วัน จะได้อะไรมากกว่าที่ประเมินไว้ก็ได้ โดยเชื่อมั่นว่า เมื่อคนไทยมีใจอยากแก้ไขปัญหาให้ประเทศร่วมกัน แต่เมื่อที่ผ่านมา การหันหน้าเข้าหากันแล้วยังไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้ เพราะแต่ละฝ่ายยังยืนอยู่ในจุดยืนและที่มั่นของตนเอง ก็อยากให้หันหน้าไปในทิศเดียวกันแล้วจับมือเดินไปด้วยกันเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประเทศจะดีกว่า

นายนิกร กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวคิดว่า หากที่ประชุมรัฐสภามีความเห็นร่วมกันให้มีกลไกเพื่อทางออกร่วมกันก็อยากให้เปลี่ยนรูปแบบจากการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ที่จำเป็นต้องยึดะบบเสียงตามสัดส่วน ฝ่ายไหนมากฝ่ายไหนน้อย มาเป็นรูปแบบ โดยอาจใช้อำนาจของประธานรัฐสภาโดยความเห็นชอบจากที่ประชุมแทนเพื่อตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพราะต้องยอมรับว่า รูปแบบกมธ.ปกติจำเป็นต้องยึดระบบเสียงตามสัดส่วน ฝ่ายไหนมากฝ่ายไหนน้อย ซึ่งเป็นเหตุให้ฝ่ายค้านไม่เข้าร่วมในหลายกมธ.ที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดมีความเห็นออกมาแล้วว่า จะไม่ร่วมอีก ดังนั้น ตนไม่อยากให้รัฐสภาเดินไปในวิธีเดิมที่ใช้ไม่ได้ผลอีก จึงอยากให้ปรับรูปแบบเพื่อเปิดกว้าง เป็นการตั้งคณะกรรมการที่มี 5 ฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาทำงานร่วมกัน ประกอบด้วย ครม. พรรครัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน ส.ว. และ บุคคลภายนอกที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นวิธีที่ยืดหยุ่น ไม่จำเป็นต้องยึดระบบสัดส่วน เพื่อป้องกันไม่ให้ใครไม่เข้าร่วมอีก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image