เรียงคนมาเป็นข่าว ประจำวันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2563 : โดย กาแฟป่า
•…ถึงเวลาของ “วาทะหรูๆ หล่อๆ” ประเภท “ให้จบที่สภา ให้สภาทำหน้าที่ ฯลฯ” เริ่ม “จันทร์ 26 ต.ค.” นี้ รัฐสภาสมัยวิสามัญ จะประชุมอภิปรายปัญหาการเมือง โดยไม่มีการลงมติ ตามมาตรา 165 ของรัฐธรรมนูญ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำหนังสือแจ้งรายละเอียดและเนื้อหาที่ขอรับฟังความเห็นจากรัฐสภา 3 ประเด็น ได้แก่ 1.รัฐบาลยกเลิกประกาศฉุกเฉิน แต่ตอนนี้ทั่วโลกติดเชื้อเพิ่ม ขณะที่มีม็อบใน กทม.และ ตจว. ทำให้ฝ่ายสาธารณสุขห่วงการติดเชื้อ
•…2.การชุมนุม 14 ต.ค.มีการ “ขวางและหยุดขบวนเสด็จ” รัฐบาลจึงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง และ 3.การชุมนุมตามจุดต่างๆ ทำให้เกิดวิตก จะกระทบต่อความสงบเรียบร้อย คมนาคมและเศรษฐกิจ ตำรวจเข้าควบคุมบุคคลในกลุ่มผู้ชุมนุม แต่การชุมนุมยังมีขึ้นต่อเนื่อง เรียกร้องให้นายกฯออก ปล่อยตัวบุคคลที่ถูกควบคุม ยุบสภา แก้รัฐธรรมนูญ และปฏิรูปสถาบัน
•…นั่นคือ “โจทย์” ของ “รัฐสภาวิสามัญ” ที่จะเริ่มต้น “จันทร์ 26 ต.ค.” นี้ แบ่งเป็น 2 ขั้ว คือ “รัฐบาล+ส.ส.รัฐบาล+ส.ว.” เป็นฝ่ายหนึ่ง และอีกฝ่าย ได้แก่ ส.ส.ฝ่ายค้านประกอบด้วย “เพื่อไทย ก้าวไกล และพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆ” กลุ่มแรก “เดาได้เลย” ว่าจะมาในแนวไหน ส่วน “ขั้วฝ่ายค้าน” ก็คงไม่ยอมให้ “รัฐบาล” มาใช้สภา “ฟอกตัว” ได้ง่ายๆ
•…ประเด็นที่คงปะทะกันรุนแรง จาก 3 ข้อของบิ๊กตู่ คือ “ข้อแรก” รัฐบาลจะอ้าง “โควิด” เพื่อจะ “ฉุกเฉิน” ต่ออีกหรือไม่ “ข้อสอง” ข้อเท็จจริงเกี่ยวโยงการอารักขาเบื้องสูง เมื่อ 14 ต.ค. และ “ข้อสาม” การพิสูจน์มุมมองคนละฝั่ง ตรรกะที่กลับข้างกันระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายอื่นๆ ม็อบทำให้เศรษฐกิจพัง หรือเศรษฐกิจพัง จึงทำให้เกิดม็อบ ทั้งหมดนี้ ถ้าพูดกันด้วยเหตุด้วยผล ไม่ตั้ง “ธง” โบ้ยคนอื่นไปหมด ก็น่าจะได้ “สัจจะ” จากการถกเถียงอยู่ไม่น้อย
•…ส่วนเรื่องใหญ่ คือ “การแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ที่อยู่ในขั้นตอน “เตะถ่วง” โดยตั้ง กมธ.ศึกษาก่อนลงมติ ล่าสุด ส่งรายงานผลการศึกษาแล้ว ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ทุบไปเบาๆ แค่คอย่นว่า “ไร้สาระ เสียเวลา เปลืองงบ” ค่าเตะถ่วงเพื่อทำ “รายงาน” ที่กั๊กๆ ไร้ข้อเสนอแนะนี้ “ราคาเท่าไหร่” สิ้นเงินงบประมาณไปเท่าไหร่สำหรับ “30+15 = 45 วัน” ที่ขอเวลาและงบไป น่าจะมีการแถลงออกมาให้สังคมได้ “ชื่นชม-ชื่นใจ” กันบ้าง
•…สถานการณ์ประเทศไทย หลังกลุ่มคณะราษฎร 2563 หรือ “กลุ่มราษฎร” ตามชื่อล่าสุด เคลื่อนไหวจน “จุดติด” และนับวันยิ่งเติบโต จนรัฐบาลพลิกตำรารับแทบไม่ทัน “กระแส” จากคนรุ่นใหม่ เป็นเรื่อง “รับได้ยาก” สำหรับ คนรุ่นเก่าที่ไม่เชื่อใน “ประชาธิปไตย” ตามหลักสากล การ “คัดค้าน-ทัดทาน” กระแสใหม่ของโลก อาจทำได้ระยะหนึ่ง แต่ไม่ “ตลอดไป” แต่ “รอยต่อ” ของประวัติศาสตร์รอบนี้ มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้ามามีบทบาท และคนที่ได้ประโยชน์ คือกลุ่มที่ “ผลักดันประชาธิปไตย” เท่านั้น
กาแฟป่า
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่