มีความล่อแหลมที่สถานการณ์การประชุมรัฐสภาในวันจันทร์ที่ 26 กับวันอังคารที่ 27 ตุลาคม จะดำเนินไปเหมือนกับสถานการณ์เมื่อวันที่ 24 กันยายน
เป้าหมายเพื่อขวางข้อเสนอที่คาดว่าจะมาจาก ส.ส.พรรคก้าวไกลที่จะขานรับข้อเรียกร้องโดย นายปิยบุตร แสงกนกกุล ให้จัดตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญในเรื่องเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม
หากดูจากการที่ ”เสื้อเหลือง” เข้ายึดพื้นที่หน้ารัฐสภาตั้งแต่เย็น วันที่ 25 ตุลาคม ด้วยรถโดยสารคันหรูหลายคัน
ประสานกับการเข้ามาอำนวยความสะดวกของกรุงเทพมหานครไม่ว่าในเรื่องส้วม ไม่ว่าในเรื่องไฟ โดยผู้ว่าฯกทม.ลงมาจัดการด้วยตนเอง
ประสานกับการตระเตรียมบุคคลที่เป็นแถวหน้าระดับ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ นายสิระ เจนจาคะ ลงมืออภิปรายด้วยตนเองเกี่ยวกับสถานการณ์เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม บริเวณถนนพิษณุโลก
ก็พอจะคาดหมายได้ไม่ยากนักว่าอุณหภูมิของบรรยาศในที่ประชุมรัฐสภาจะเป็นอย่างไร
ต้องยอมรับว่าสถานการณ์เมื่อวันที่ 24 กันยายน เกิดจากความฮึก เหิมและมั่นใจในการสนธิกำลัง 2 ส่วนเข้าด้วยกัน ส่วนหนึ่งคือกำลัง จากพรรคพลังประชารัฐ อีกส่วนจาก 250 ส.ว.
ในเมื่อ 250 ส.ว.หมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเมื่อพรรคพลังประชารัฐหมายถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
นี่ย่อมเป็นความมั่นใจสูงสุดจากกำลัง ”มือ” ที่มีอยู่
การเสนอให้จัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อ ”ศึกษา” สิ่งที่ศึกษามาแล้วอันเกี่ยวกับร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 จึงได้เกิดขึ้น
เป้าหมาย 1 เพื่อเตะถ่วงหน่วงเวลาออกไป เป้าหมาย 1 เพื่อสำแดงให้เห็นอำนาจทางการเมืองที่อยู่ในกำมือว่าเป็นของใครกันแน่โดยเฉพาะอำนาจจาก ”รัฐสภา”
การประชุมรัฐสภาในวันจันทร์ที่ 26 และวันอังคารที่ 27 ตุลาคมก็กำลังสะท้อนแนวโน้มและความเป็นไปได้เช่นนี้
คำถามที่เสนอเข้ามาก็คือ ชัยชนะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้มาเมื่อวันที่ 24 กันยายนเป็นชัยชนะ อย่างแท้จริงหรือว่าเป็นชัยชนะชั่วคราว
สถานการณ์จากวันที่ 24 กันยายนเป็น ”คำตอบ” ได้อย่างดีว่า เป็นชัยชนะอันดำรงอยู่อย่างหลอกลวงและไม่ยั่งยืน
เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะยอมรับหรือไม่