ชาญวิทย์ เผยสังคมไทยเปลี่ยนไปแล้ว คนรุ่นใหม่ตื่นตัวการเมือง คิดไกลกว่าคนอายุ 80

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ในเวลาราว 15.30 น. ที่หอประชุมประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรมศาสตร ท่าพระจันทร์ ได้มีการจัดกิจกรรม “จับตาประชามติ” โดยกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่ได้มีการนัดหมายประชาชนผ่านทางเฟซบุ๊คให้มาร่วมกันรอผลคะแนนประชามติ

นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ขึ้นกล่าวปาฐกถาเปิดงาน ตอนหนึ่งว่า วันนี้ส่วนตัวได้ไปใช้สิทธิในการออกเสียงประชามติ โดยเป็นครั้งที่สองที่ได้ออกไปใช้เสียงลงคะแนน ครั้งแรกที่ไปออกเสียงนั้นตนเองได้ไปออกเสียงโหวตโนแต่ก็แพ้เพราะคำพูดที่ ว่าโหวตไปก่อนแล้วค่อยแก้ ซึ่งเป็นคำพูดที่ไม่จริง แต่เป็นความพยายามที่ต้องการให้รัฐธรรมนูญที่ร่างโดยเสนาธิการอำมาตยาธิปไตย นั้นถูกบังคับใช้ แม้ว่าครั้งนั้นเราจะพ่ายแพ้ แต่เราก็ยอมรับกติกาที่เกิดขึ้น ทั้งที่เราไม่ได้เรียกร้องให้ทหารออกมาทำรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญที่ไม่ชอบ

“แต่การเลือกตั้งทั่วไปสองครั้งที่ผ่านมาภายใต้รัฐธรรมนูญของพวกเขาทั้งปี 2550 2554 ฝ่ายชนชั้นนำเสนาธิการอำมาตยาธิปไตยก็พ่ายแพ้ทั้งสองครั้ง และเหตุที่คณะรัฐประหารทั้งปี 2549 และ 2557 ให้มีการทำประชามติได้นั้นไม่ใช่เป็นเพราะเขาใจดี แต่เป็นเพราะมีการตื่นตัวทางประชาธิปไตยเพิ่มมากขึ้น สังคมไทยโดยเฉพาะชนชั้นล่างได้เปลี่ยนไปแล้ว อีกทั้งกระแสของนานาอารยะประเทศเป็นสิ่งที่ฝืนไม่ได้”

นายชาญวิทย์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าการทำประชามติในครั้งนี้จะมีการลิดรอนสิทธิ มีการจับกุมผู้คน แต่สิ่งที่เราเห็นคือการตื่นตัวของคนรุ่นใหม่ทั้งที่สามารถใช้สิทธิและยัง ใช้สิทธิไม่ได้ แต่กลับแสดงความคิดเห็นที่ไปไกลกว่าคนอายุ 70-80 ที่พยายามให้คนเหล่านี้อยู่ในกรอบที่พวกเขาสร้างขึ้นมา

Advertisement

“ณ เวลานี้ วินาทีนี้เราไม่ทราบว่าผลประชามติจะเป็นเช่นไร แต่แน่นอนผมคิดว่าทุกอย่างของสังคมไทยมีพลวัต สังคมไทยได้เปลี่ยนไปแล้ว ผมพูดซ้ำๆ บ่อยครั้งว่าอะไรที่เราไม่คิดจะเห็นเราก็จะได้เห็น อะไรที่เราเห็นอยู่ตลอดในชั่วชีวิตนี้เราจะไม่เห็นอีกต่อไป” นายชาญวิทย์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image