‘อุ๊ หฤทัย’ แสดงจุดยืนหน้าสถานทูตสหรัฐ เผยสถาบันคือความมั่นคงของชาติ หวั่นบ้านเมืองแตกแยกลุกเป็นไฟ

วันที่ 27 ตุลาคม 2563 - 11:17 น.

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม เวลาประมาณ 10.00 น. ที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ นางหฤทัย ม่วงบุญศรี อดีตศิลปินชื่อดัง พร้อมด้วยกลุ่มบุคคลสวมใส่เสื้อสีเหลืองจำนวนหนึ่ง เดินทางมาแสดงออกถึงจุดยืนการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

นางหฤทัยกล่าวว่า สถาบันพระมหากษัตริย์คือความมั่นคงของชาติ แต่วันนี้เกิดความแตกแยก มีการโจมตีสถาบัน มีการให้ข้อมูลที่บิดเบือน หากมองประเทศเพื่อนบ้านจะพบว่าประเทศไทยรักษาเอกราชไว้ได้เพราะพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันที่เชื่อมโยงจิตใจของคนไทยไว้ด้วยกัน หลายประเทศไม่รอดพ้นจากสงครามการแย่งชิงอำนาจและความขัดแย้ง แต่ประเทศไทยสามารถผ่านพ้นวิกฤตมาได้ เราสงบสุข ร่มเย็นใต้ร่มพระบารมี ปัจจุบันมีการปั่นกระแสจากต่างประเทศ ให้ข้อมูลเป็นเท็จ ดึงสถาบันมาเกี่ยวโยงการเมือง มีการอ้างว่ารัฐประหารทำลายประชาธิปไตย ตนก็ไม่ชอบการรัฐประหาร แต่ต้องมองสถานการณ์ในช่วงนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น คนไทยเป็นล้านๆ ออกมาต่อต้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะต้องการให้บ้านเมืองสงบสุข ต้องการให้นักการเมืองที่กระทำผิดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ส่วนที่มีการกล่าวอ้างว่าสถาบันเกี่ยวโยงกับการรัฐประหารนั้น เป็นข้อมูลที่ไม่จริง ทหารออกมาเพราะต้องการให้บ้านเมืองสงบ

“ไทยกับสหรัฐอเมริกาคือมิตรประเทศที่แน่นแฟ้น คนอเมริกันกับคนไทยก็เป็นมิตรกัน มีสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนาน คนไทยรักในศิลปวิทยาการของอเมริกา ดนตรี ศิลปะ ภาพยนตร์ เชื่อว่าคนอเมริกันจำนวนมากก็รักประเทศไทยเช่นกัน วันนี้เกิดความแตกแยกทางความคิดของคนไทยเป็นจำนวนมาก ถ้าเป็นเรื่องการเมืองไม่เป็นไร แต่มีการโจมตีสถาบันซึ่งเป็นความมั่นคงของชาติ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยปกป้องรักษาเอกราชอธิปไตยไว้ได้เพราะสถาบันอันเป็นที่ยึดโยงจิตใจ เปรียบเพื่อนบ้านหรือหลายประเทศในโลก ไทยรอดพ้นจากสงคราม ความขัดแย้งระหว่างการปกครองที่ผ่านมาในช่วงสงครามเย็น คนไทยเรากลับสงบสุขร่มเย็นใต้ร่มพระบารมี ความขัดแย้งทางการเมืองจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ คิดต่างกันไม่เป็นไร แต่จะนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาโยงกับการเมืองไม่ได้ ที่ผ่านมา มีการให้ข้อมูลเท็จ มีการปั่นกระแสจากนอกประเทศ จะใช้ประเทศไทยเปรียบดั่งฮ่องกงไม่ได้ ที่นี่ไม่ใช่ฮ่องกง” นางหฤทัยกล่าว

นางหฤทัยกล่าวว่า ถ้าบ้านเมืองแตกแยก คนไทยจะสิ้นชาติ จะไม่มีสังคมดีๆ ไม่เข้าใจว่านักศึกษา ปัญญาชน อาจารย์ ทำไมไม่เข้าใจ การมีนักการเมืองที่อ้างระบอบประชาธิปไตยแต่ทุกจริต ทำให้บ้านเมืองสูญเสียประโยชน์ คนไทยต้องเป็นหนี้เป็นสิบๆปีเพราะโครงการทุจิตรเชิงนโยบาย การนำสถาบันมาเชื่อมโยงการเมือง เพราะต้องการให้คนไทยแตกแยกกัน ขอประกาศว่าเราจะไม่มีการปะทะ อย่างไรก็ตามการรวมมวลชนของฝ่ายปกป้องสถาบันไม่ให้มีการจาบจ้วงอีกต่อไปยังไม่ได้เริ่มขึ้น แต่เร็วๆนี้อาจรวมมวลชนเพื่อปกป้องสถาบันเป็นจำนวนมากทั่วประเทศ ทั่วทั้งแผ่นดิน

นางหฤทัยกล่าวอีกว่า หากมีการยุบสภา นักการเมืองและ ส.ส.ก็ตกงาน ต้องเลือกตั้งใหม่ ซึ่งตนไม่เห็นด้วย เพราะระบบรัฐสภายังแก้ปัญหาได้ เรายังอยู่ในวิกฤตโรคระบาด ไม่ได้มีแค่ปัญหาในประเทศ ดังนั้น กระทรวงต่างๆ ยังต้องมีการขับเคลื่อน ถ้ายุบสภาประเทศเสียประโยชน์ และรู้ได้อย่างไรว่าเลือกตั้งแล้วจะได้นักการเมืองที่สะอาดที่สุด

ส่วนข้อเสนอของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ถือว่าเป็นแนวทางที่ดีในการแก้ปัญหาประเทศ แต่ใช้เวลานาน เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เป็นการตกผลึกของสถานการณ์ ต่อไปคนไทยจะได้เห็นอย่างชัดเจน ทั้งนี้ เมื่อครั้งที่ตนออกมาแสดงความเห็นทางการเมืองครั้งแรก ก็เพราะได้ยินเสวนาของนายปิยบุตร แสงกนกกุล ซึ่งตอนนั้นยังเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย โดยเป็นงานเสวนาเกี่ยวกับสถาบัน ซึ่งตนมองว่าข้อมูลวิชาการเหล่านั้นเป็นวิชาการจากต่างประเทศ เอามาใช้กับไทยไม่ได้ ส่วนตัวจึงไม่เห็นด้วย

“สถาบันคือจุดแข็งแกร่งที่สุดในการถ่วงดุลอำนาจจากต่างประเทศ ถ้าไม่มีสถาบัน ประเทศจะลุกเป็นไฟ” นางหฤทัยกล่าว

นายศาสตรา โตอ่อน ทนายความและนักวิชาการอิสระ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราเสียโอกาสไปมากกับระบบนักการเมืองซึ่งมีการทุจริต คอร์รัปชั่น ถ่วงความเจริญประเทศ และถูกทำให้ทะเลาะกันด้วยคำว่าประชาธิปไตยมานาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือรัฐบุรุษ รัฐบาลชุดนี้มาจากการเลือกตั้ง และช่วยพัฒนาประเทศ หากไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อนบ้านแซงไทยแน่นอน ในขณะที่ชาติตะวันตกมีแต่สูบ ไม่เคยให้อะไรประเทศไทย และตนขอให้อย่ามาแทรกแซงก้าวก่ายกฎหมายไทย

“30 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยหงุดชะงักเพราะนักการเมือง ไม่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน วันนี้ลุงตู่เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เข้ามาพัฒนาประเทศ สร้างสาธารณูปโภค โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ยืนยันว่าถ้าไม่มีลุงตู่ ลาว พม่า เวียดนาม เขมร แซงเราเแน่นอน เพราะจีนไปลงทุน 30-40 ปีที่ผ่านมาชาติตะวันตกไม่เคยให้อะไรกับภูมิภาคนี้ นอกจากสูบเอาผลประโยชน์ การเมืองไม่ใช่แค่เรื่องความคิด หรืออุดมการณ์ แต่การเมืองทำให้เราอยู่ดีกินดี ดังนั้น ขอสนับสนุนรัฐบาล ผมก็จบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กๆ และอาจารย์รุ่นหลังถึงไม่เข้าใจการพัฒนาประเทศ การสนับสนุนลุงตู่อยู่ต่อ จะทำให้ไทยยกระดับไปได้อีก 50 ปีเป็นอย่างน้อย ตอนนี้เราเป็นประเทศพัฒนาแล้ว แต่เข้าเส้นชัยแบบฉิวเฉียดจริงๆ เพราะมีตัวถ่วงความเจริญตั้งแต่ พ.ศ.2475 ที่ผ่านมาเราติดหล่มไปกับนักการเมือง นักโกงเมือง นักเลือกตั้ง นับแต่พ.ศ.2532 เราถูกทำให้โง่ ถูกทำให้ทะเลาะกันเพราะเรื่องประชาธิปไตย เรายังมีบุญที่มีรัฐบาลนี้” นายศาสตรากล่าว

ทั้งนี้ นางหฤทัยและผู้เดินทางมาสมทบ มีการชูป้ายมีข้อความ ‘Stop hybrid war’ แต่ไม่ได้มีการยื่นหนังสือหรือเอกสารใดๆต่อสถานทูต