‘สุพัฒนพงษ์’ โต้ ไทยไม่ได้แย่ที่สุดในอาเซียน ดัชนีชี้วัดดีเกือบทุกตัว ชวนเยาวชนเห็นต่างรัฐบาล หันมาร่วมกันพัฒนาประเทศ
เมื่อนที่ 27 ตุลาคม ที่รัฐสภา การประชุมร่วมรัฐสภา สมัยวิสามัญ เพื่อขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม ต่อเป็นวันที่ 2
ต่อมาเวลา 16.08 น. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ชี้แจงภาพรวมปัญหาเศรษฐกิจว่า ความรู้สึกของเราทุกวันนี้ต่างจากเมื่อเดือนเมษายนมาก เพราะเราใช้ชีวิตจนเกือบจะเป็นปกติ ตนคิดว่า การกล่าวหารัฐบาลว่าทำงานไม่ได้ ไม่สำเร็จ ก็อยากเรียนว่า ปัญหาเศรษฐกิจ ต้องเข้าใจว่าตัวเลขของผู้ติดเชื้อสะสมและผู้เสียชีวิตยังมีอยู่ แต่ประเทศไทยก็ประสบความสำเร็จในการควบคุมโรคส่วนนี้ และเราก็ต้องรักษาไว้ เรื่องการฟื้นฟูต่างๆ ตนได้ชี้แจงไปแล้วว่า ตลอดระยะเวลาที่เราค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา คนไทยมีชีวิตที่เกือบจะเป็นปกติ ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจดีทุกตัว แต่ปัจจุบันเริ่มมีดัชนีเรื่องความมั่นใจของผู้บริโภค คาดว่าเกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน และตุลาคม คือช่วงที่มีความเห็นต่างที่เกิดขึ้น แต่รัฐบาลก็จะทำงานอย่างดีที่สุด
อีกสิ่งหนึ่งคือ เสถียรภาพทางการเงินของไทยมีความคืบหน้า แน่นอนว่ามีบุคคลภายนอกจับตาดูเราอยู่ตลอด ซึ่งจับตาดูด้วยความชื่นชม เช่น IMF ที่ประกาศผลภาวะการเศรษฐกิจของกลุ่มภูมิภาคอาเซียน ไทยเป็นประเทศเดียวที่ได้รับการปรับอัตราการฟื้นฟูได้ดีกว่าประเทศอื่น นี่คือตัวอย่างที่อยากให้ภาคภูมิใจ ซึ่งไม่ได้เกิดจากรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว แต่มาจากการร่วมมือร่วมใจทุกภาคส่วน ถึงแม้ไทยจะมีจีดีพีติดลบ 7 ไม่ใช่ติดลบ 10 อย่างที่สมาชิกรัฐสภากล่าว และไม่ได้แย่ที่สุดในอาเซียน วันนี้ยังมีประเทศอื่นที่แย่กว่าเรา ข่าวดีอีกเรื่องคือ ในช่วงการเยียวยาเศรษฐกิจ มีการพักชำระหนี้ ทั้งลูกหนี้รายย่อย และลูกหนี้ธุรกิจขนาดเล็ก จำนวน 12.5 ล้านราย รวมเป็นเงิน 6.8 ล้านล้านบาท โดยรัฐบาลจับตาดูอย่างใกล้ชิด และร่วมมือกันทุกฝ่าย
“เราจะค่อยๆ เปิดประเทศ และฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่น่าเสียดายที่เรามีความเห็นต่าง กับน้องๆ เยาวชน และผู้ชุมนุม ทำให้ดัชนีบางตัวส่งสัญญาณที่อ่อนตัวลง แต่ไม่เป็นไรเพราะภารกิจเรายังไม่จบ รัฐบาลก็พยายามจะอดทน ร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ผ่านพ้นไป เพื่อรอให้เยาวชนหรือน้องๆ เข้าใจและหันมาร่วมกันพัฒนาประเทศ เพื่อประชาชน และน้องๆ ทุกคนที่เป็นอนาคตของไทย” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
