‘บิ๊กตู่’ ลั่น ไม่ลาออกหนีปัญหา ไม่ได้ยึดติดตำแหน่ง ขอความเป็นธรรมบ้าง มาไล่ทุกวัน
เมื่อเวลา 21.20 น. วันที่ 27 ตุลาคม ในการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า หลายอย่างที่ทางสภาฯ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ค่อยเห็นชอบกับตนหลายเรื่อง พูดจาโจมตีตนสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา และหลายประการบิดเบือนก็ไม่เป็นไรตนรับได้ ส่วนการชุมนุมตนรักลูกหลานทุกคน ตนรักเด็ก นิสิตเป็นพลังแผ่นดินในวันข้างหน้า แต่เราควรสร้างความเข้าใจกันได้หรือไม่ ตนยอมรับฟังเสียงของทุกคน มีทั้งทำได้ทำไม่ได้ ส่วนกรณีชุดนักเรียนถ้าจำไม่ผิดตั้งแต่เด็กๆเคยมีการชี้แจงว่าการแต่งชุดนักเรีบนเพื่อประหยัด ไม่แตกต่างคนรวยคนจน ส่วนทรงผมเพื่อให้เกิดความปลอดภัยว่า ไปเดินตามพื้นที่ต่างๆนอกเวลาเรียนจะได้ไม่ถูกทำร้าย แต่วันนี้โลกเปลี่ยตนก็ยอมรับได้ ทุกอย่างมีอดีตมีความเป็นมาทั้งสิ้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการที่บอกว่า มีการใช้โซเชียลมีเดียขับเคลื่อน ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตาม ทราบว่า การแจ้งข้อความต่างๆ มีคนโพสต์ครั้งแรก 200 คนจากนั้น ไม่กี่นาทีเพิ่มเป็น 5 หมื่นคน จากแอคเคาท์เดิม ตนก็ไม่ทราบว่า ใช้เทคโนโลยีอะไร ตัวเลขที่ออกมาจากระยะที่หนึ่ง สอง สาม เท่ากันหมดมีเครือข่ายหรือไม่ตนไม่แน่ใจ มีการใช้ระบบเอไอในการโพสต์ข้อมูลต่างๆ หรือไม่ ตนก็แจ้งเพื่อทราบซึ่งเป็นข้อมูลที่ตรวจสอบได้ ไม่ได้ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลใดๆ การที่จะบอกว่ารัฐบาลปิดกั้น ยืนยันว่าไม่ปิดกั้น แต่ถ้าละเมิดจนเกินไปไม่สุภาพ ตนคิดว่าสังคมรับไม่ได้ สุดท้ายตนขอขอบคุณสมาชิกรัฐสภาที่ช่วยหาทางออกให้รัฐบาล ตนห่วงประเทศชาติของเราเหมือนที่ทุกท่านเป็นห่วงว่า จะเป็นอย่างไร จะเดินไปทางไหน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการควบคุมสถานการณ์โควิด – 19 ว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์แห่งการท่องเที่ยว วันนี้เราเปิดประเทศได้แล้ว แต่เปิดโดยใช้ความระมัดระวัง วันนี้มีคนต้องการเข้าประเทศไทยอีกเป็นพันเป็นหมื่นราย เราจำเป็นต้องจัดเที่ยวบิน มีการเจรจากับประเทศที่มีความเสี่ยงน้อย ความสำเร็จนี้คนไทยช่วยกันสร้างช่วยกันประคับประคองประเทศได้ แต่จากการชุมนุมในกทม. ตนไม่โทษเขา แต่มีอะไรหรือเปล่าตนไม่ทราบ แต่หลายคนอาจจะทราบ สิ่งเหล่านี้ อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่กำลังขับเคลื่อนในการสร้างความเชื่อมั่น วันนี้เรามีมาตรการผ่อนคลายอีกหลายอย่าง วันนี้ถ้าท่านไม่ฟังท่านก็ไม่เข้าใจ โจมตีรัฐบาลอยู่ร่ำไป แต่ตนรับได้ เรื่องนี้นำมาสู่ความแตกแยกในสังคมโดยเฉพาะสถาบันครอบครัว นอกจากนี้ กลุ่มที่ถูกชักชวนในโลกโซเชียลมีเดีย ทุกวันนี้มีกลุ่มจับอุปนิสัยของกลุ่มคนเปราะบางเหล่านั้น เขาจับกลุ่มทั้งหมดว่า นิสัยคนเสพกลุ่มโซเชียลมีเดียเป็นอย่างไร จนรู้จักนิสัย จนทำให้กลุ่มเป้าหมายนำไปใช้ประโยชน์โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางของเรา ให้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามที่อีกฝ่ายต้องการ
“ท่านอ่านได้ โพสต์ได้ ฟังได้ แต่อย่าเชื่อทุกอย่างที่เห็นที่ฟัง ท่านต้องมีสติปัญญาของท่านเองในการรับข้อมูล ขอประชาชนสนใจเรื่องเหล่านี้ ซึ่งสังคมไทยกำลังเผชิญอยู่ เพื่อที่จะเข้าใจว่า กลุ่มคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งนำคนกลุ่มเปราะบางไปปรุงแต่งความคิดได้เสมอ ซึ่งไม่คุ้มเราจะเสียใจต่อการกระทำในวันข้างหน้า จึงให้ระวังข้อมูลในการเผยแพร่ไปต่างประเทศ ตนได้รับข้อมูลจากนักข่าวข้างล่างว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสักครู่ว่ามีเบื้องหลังพอสมควร ช็อตเด็ดเพื่อจะแพร่ไปสู่เวทีโลกให้มีเลือดตกยางออก ตนก็เสียใจเพราะไม่เคยเกิดขึ้นในสภามาก่อน” พล.อ.ประยุทธ์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนยินดีร่วมมือในการแก้ปัญหา แต่เราต้องไม่ลิดรอนสิทธิของคนอื่น ตนเห็นด้วยกับแนวทางตั้งคณะกรรมการ เพื่อนำไปสู่แนวทางพูดคุยหาทางออกกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งรัฐบาล รัฐสภา ผู้เห็นต่าง หรือกลุ่มใดก็แล้วแต่ ซึ่งต้องนำสู่การปฏิบัติให้ได้ ก็ไปหามาว่า จะหาใครมาร่วม ตนก็กังวลว่าจะเจรจาคุยกับใครว ใครเป็นหัวหน้า เพราะทุกคนเป็นหัวหน้าหมด ข้อเรียกร้องใดพิสูจน์ได้ว่า เป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่ในประเทศ ตนขอสงวนสิทธิ ส่วนการลาออก การแก้รัฐธรรมนูญอยู่ในขั้นตอนของรัฐสภาอยู่แล้ว ตนไม่เคยยึดติดกับตำแหน่ง ต้องไปถามคนร่างรัฐธรรมนูญตนไม่ได้เป็นคนร่าง บางครั้งท่านก็พูดด้วยอารมณ์ของท่านไปบ้างก็มาไล่ตนทุกวันก็ให้ความเป็นธรรมกับตนบ้าง ตนจะไม่ตัดช่องน้อยแต่พอตัวเพื่อหนีปัญหา จะไม่ละทิ้งหน้าที่ด้วยการลาออกยามที่บ้านเมืองมีปัญหา เรื่องรัฐธรรมนูญก็มีจุดยืนอยู่แล้ว การได้ชัยชนะกันท่ามกลางซากปรักหักพังของบ้านเมือง ตนถามว่า คุ้มค่าหรือไม่ จะไม่เหลืออะไรอีกเลย สิ่งที่ท่านคาดหวังว่า จะเปลี่ยนแปลงดุลแห่งอำนาจก็จะไม่เหลือให้ท่านแม้แต่น้อยนิด กรรมใดใครก่อก็รับไป จะทำบุญทำกุศลก็ไม่มีใครช่วยได้ ตนจะปฏิบัติหน้าที่อยู่ต่อไปจนกว่าจะไม่มีโอกาสได้ทำชัดมั้ยครับ
