ศาลยกคำร้อง พนักงานสอบสวน ขอคุมตัว ‘รุ้ง-ไมค์-เพนกวิน’ ชี้สอบสวนเสร็จแล้ว
เมื่อเวลา 13.53 น. วันที่ 31 ตุลาคม จากกรณีศาลอาญาไม่อนุญาตให้ฝากขัง รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์, ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก และแบงค์ -ปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม คดีชุมนุม 19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร ทำให้ทั้ง 4 คนได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ แต่เจ้าหน้าที่ได้อายัดตัว นางสาวปนัสยา นายพริษฐ์ และ นายภาณุพงศ์ ไว้
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ไต่สวนเพื่อคัดค้านคำร้องขอควบคุมตัวของพนักงานสอบสวน ซึ่งทนายความของนักกิจกรรมทั้งสามคนได้ยื่นไว้ โดยมีเนื้อหาคำร้องคัดค้านโดยสรุปว่า ผู้ต้องหาทั้งสามได้ปรากฎต่อหน้าพนักงานสอบสวนผู้ยื่นคำร้องแล้ว ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 และพนักงานสอบสวนสภ.พระนครศรีอยุธยาได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ต้องหาทั้งสามและได้ทำการสอบคำให้การเสร็จ พิมพ์ลายพิมพ์นิ้วมือ ครบถ้วน ผู้ต้องหาทั้งสามได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา กระบวนการดังกล่าวย่อมถือว่าได้ดำเนินการตามหมายจับแล้ว หมายจับย่อมสิ้นผลไปตามกฎหมาย ปรากฏข้อเท็จจริงชัดเจนแล้วว่าพนักงานสอบสวนไม่มีเหตุผลหรือความจำเป็นใดที่จะต้องฝากขังผู้ต้องหาไว้ต่อศาล
พฤติการณ์ที่ผู้ต้องหาถูกกล่าวหาตามคำร้อง ชัดแจ้งว่าข้อกล่าวหาที่กล่าวหานี้ ก็เพียงแต่เกี่ยวกับเรื่องการใช้เสรีภาพในการชุมนุม โดยเป็นการชุมนุมที่สงบ ปราศจากอาวุธ ซึ่งได้รับการรับรองไว้ตามรัฐธรรมนูญ ผู้ต้องหายังเป็นเพียงนักศึกษา และมีภูมิลำเนาอยู่คนละที่เกิดเหตุ ไม่ได้มีอิทธิพลหรือความสามารถที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานได้ พยานหลักฐานในคดีนี้ก็อยู่ในความดูแลของพนักงานสอบสวนแล้วทั้งสิ้น ผู้ต้องหาจึงไม่อาจยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานใดๆ ได้อีก จึงไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องเอาตัวผู้ต้องหาไว้ในอำนาจศาล
อีกทั้งในคำร้องคัดค้านของทนายความยังได้ระบุถึงข้อเท็จจริงที่นายภาณุพงศ์ จาดนอก มีอาการเจ็บป่วยหัวใจเต้นผิดปกติ อ่อนเพลีย จนเป็นลม, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ได้รับบาดเจ็บกระจกบาดทั่วร่างกาย และกระจกเข้าในหู และนางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล มีอาการอ่อนเพลีย หากทั้งสามต้องอยู่ในความควบคุมระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน ย่อมจะเป็นการควบคุมตัวที่เกินจำเป็น
สุดท้าย คำร้องคัดค้านได้ระบุว่าการใช้เสรีภาพในการชุมนุมถือเป็นเครื่องมือแสดงออกซึ่งเจตจำนงอย่างเสรีของพลเมือง เป็นวิธีในการแสดงออกซึ่งเจตจำนงของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย เพื่อเป็นเครื่องสะท้อนและกระตุ้นเตือน “รัฐบาล” ที่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหรือมาจากการรัฐประหาร “สิทธิเสรีภาพในการชุมนุม” จึงเป็นสิทธิมนุษยชนที่สำคัญ ซึ่งในทางสากลให้การยอมรับและตระหนักว่าเป็นสิ่งที่พลเมืองในแต่ละรัฐย่อมทรงไว้ซึ่งสิทธิดังกล่าว
สำหรับการนำตัวผู้ต้องหามาฝากขังในครั้งนี้ หากพนักงานสอบสวนเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปใช้เสรีภาพร่วมหรือทำกิจกรรมใดต่อไปในอนาคตอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย พนักงานสอบสวนหรือ เจ้าหน้าที่รัฐก็สามารถที่จะใช้อำนาจในการจับกุม ออกหมายเรียก หรือดำเนินการตามกฎหมายได้เป็นคดีอื่นอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องควบคุมผู้ต้องหาไว้ในคดีนี้ เพราะเป็นเสมือนการใช้ดุลพินิจพิจารณาไว้ในอนาคตแล้วว่าการทำกิจกรรมนั้นๆ เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย อันเป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าของพนักงานสอบสวนเอง
จากนั้นเวลา 16.42 น. ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีคำสั่งยกคำร้องของพนักงานสอบสวน ที่ขอควบคุมตัว รุ้ง-ไมค์-เพนกวิน ระบุ ข้อเท็จจริงได้ความว่าผู้ร้องได้สอบสวนเสร็จแล้วเหลือเพียงขั้นตอนความเห็นจากผู้บังคับบัญชาซึ่งพยานได้ให้การว่าสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องควบคุมตัวผู้ต้องหา ทั้งยังไม่ปรากฏหลักฐานว่าจะมีการหลบหนีหรือไปก่อเหตุร้ายอันตรายประการอื่น อีกทั้งตัวต้องหายังมีอาการป่วยและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจึงไม่มีเหตุจำเป็นในการควบคุมตัว มีคำสั่งยกคำร้องขอควบคุมตัว
จากคำสั่งศาล ทำให้ทั้งสามคนได้รับการปล่อยตัว ไม่อยู่ในอำนาจควบคุมตัวของพนักงานสอบสวนในคดีใดอีก รวมเวลาที่เพนกวินและรุ้งสูญเสียอิสรภาพไปเป็นระยะเวลา 17 วัน ส่วนไมค์ 13 วัน