“เลขา ศอ.บต.” ยอมรับก่อนลงประชามติ 3 จว.ใต้มีการสร้างข้อมูลบิดเบือนในประเด็นศาสนาและการศึกษา แต่พอใจประชาชนออกมาใช้สิทธิเกินกว่าเป้าหมาย เชื่อประชาชนยังให้ความร่วมมือกับทางราชการ
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 8 สิงหาคม ที่ห้องวิจิตรวาทการ ชั้น 3 อาคารสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 2/2559 ภายหลังการประชุม นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า จากผลการลงประชามติในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งมีประชาชนออกมาใช้สิทธิเกินกว่าเป้าหมายจากบรรยากาศในพื้นที่ที่ฝ่ายผู้ไม่หวังดีหรือฝ่ายตรงข้าม มีความพยายามก่อเหตุรวมทั้งการข่มขู่ไม่ให้ออกมาใช้สิทธิลงประชามติ แต่ปรากฏว่าประชาชนออกมาใช้สิทธิจำนวนมาก ก็ต้องขอขอบคุณกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่เคาะประตูให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิในครั้งนี้
“การดำเนินการในช่วงการลงประชามติตามหน่วยเลือกตั้ง จำนวน 2,158 หน่วย เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยกเว้นเกิดกรณีหลังปิดหีบ และมีการขนหีบบัตรก็เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น วันนี้คุณครูที่ได้รับบาดเจ็บก็พ้นขีดอันตรายแล้วซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง” นายภานุกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนที่มีการบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะประเด็นเรื่องห้ามคลุมฮิญาบส่งผลหรือไม่ นายภานุ กล่าวว่า เท่าที่ติดตามข่าวยอมรับว่าการบิดเบือนนั้นมีอยู่ 3 มาตรา ประกอบด้วย มาตรา 31-54 และ 67 ซึ่งเกี่ยวพันในเรื่องของศาสนา และการศึกษา มีความพยายามให้ข้อมูลที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง ซึ่งทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ศอ.บต.จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ทำความเข้าใจข้อเท็จจริงแล้ว แม้จะเป็นข้อกังวลใจแต่ก็สามารถอธิบายข้อเท็จจริงได้แล้ว
เมื่อถามว่าผลการลงประชามติที่ออกมาเช่นนี้จะส่งให้ต้องทบทวนนโยบายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ นายภานุ กล่าวว่า วันนี้เราพิจารณาจากจำนวนของประชาชนที่ให้ความร่วมมือออกมาใช้สิทธิ ซึ่งแม้บรรยากาศจะไม่เอื้ออำนวยมีความพยายามให้เกิดความสับสน การก่อเหตุร้าย การข่มขู่ไม่ให้คนออกมาใช้สิทธิ แต่สุดท้ายคนก็ออกมาใช้สิทธิเกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ถือว่าเป็นที่พอใจ ประชาชนยังให้ความร่วมมือกับทางราชการเป็นอย่างดี
