ส.ส.ก้าวไกลอัดรัฐ ชี้ประเทศที่แบนหนังโป๊ก็คือประเทศที่แบนความจริง

ส.ส.ก้าวไกลชี้ ประเทศที่แบนหนังโป๊ก็คือประเทศที่แบนความจริง

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณี รัฐบาลสั่งบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์พอร์นฮับ โดยระบุว่า

ประเทศที่แบนหนังโป๊คือประเทศที่แบนความจริง : และสร้างเรื่องสมมุติที่ไม่มีจริงมาแทนที่

จากกรณี DE สั่งระบบอินเตอร์เน็ต และมือถือทุกค่ายระงับการเข้าถึงเว็บโป๊ Pornhub และอีก 190 URLโดยอ้างถึงว่าเป็นสาเหตุของปัญหาสังคม จึงต้องการการควบคุม ธัญมีความเห็นว่าเว็บโป๊ไม่ได้เป็นต้นตอของปัญหา เพราะในมุมหนึ่ง เว็บเหล่านี้คือ

Advertisement

“ความจริงของมนุษย์”

เรื่องการร่วมเพศเป็นส่วนหนึ่ง และเป็นความจริงของมนุษย์ที่เราต้องเรียนรู้ ยอมรับ และรู้เท่าทัน แม้ว่าอาจยังมีมุมมองที่แตกต่างกันไปตามความหลากหลายทางความคิดในสังคมและทัศนคติที่มีหนังโป๊ โดยอาจจะมองว่าเป็นเรื่องลามก อนาจาร หรืออาจเป็นความบันเทิงก็ได้ แต่สิ่งที่ยากจะปฏิเสธได้ก็คือ ‘เรื่องเพศ’ คือส่วนหนึ่งของพวกเราทุกคน

ประเทศที่แบนหนังโป๊ก็คือ ประเทศที่แบนความจริง และสร้างเรื่องสมมุติมาแทนที่ว่านี่คือความจริง เพื่อยืนยันว่าความจริงต้องมีหนึ่งเดียวเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้วนั่นก็คือรูปแบบหนึ่งของการสถาปนาความจริงขึ้นในประเทศที่มีความคิดแบบเผด็จการ

Advertisement

การที่ DE แจงเหตุผลในการระงับเว็บดังกล่าวว่า เพราะกลัวการเข้าถึงเด็ก เยาวชน ที่มีการส่งรูปคลิปโป๊เยาวชนตามกลุ่มไลน์ ปัญหาเหล่านี้เป็นคนละประเด็นกับการมองว่าหนังโป๊เป็นต้นตอของปัญหาหรือไม่

ธัญมองว่าเป็นสิ่งสมควรที่ภาครัฐต้องออกมาตรการจับกุมหรือติดตามจากกลุ่มเพจหรือกลุ่มลับต่างๆ ทางสื่อโซเชียลมีเดีย การขยายผลไปสู่ต้นตอหรือผู้ผลิตและเผยแพร่ รวมถึงการเพิ่มโทษผู้ถ่าย ผู้ส่ง หรือผู้ล่อลวง เด็ก เยาวชนให้ถ่ายคลิป ตรงนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็น และที่ขาดไม่ได้คือการสร้างความตระหนักรู้ให้กับเด็ก เยาวชนว่ามีกลวิธีการล่อลวงถ่ายคลิปด้วยวิธีใดบ้าง วิธีการป้องกันตนเองเพราะอาจตกเป็นเหยื่อ และสิ่งที่เป็นผลกระทบจะตามมาให้เด็กเยาวชนเห็นปัญหา รวมถึงพ่อแม่ต้องมีความเข้าใจรู้เท่าทันเทคโนโลยีเพื่อให้คำแนะนำกับลูกได้เหมาะสมและถูกต้อง

การติดตามป้องกันดูแลเด็กและเยาวชนเป็นเรื่องสำคัญ การปกป้องสิทธิส่วนบุคคลหากถูกละเมิดและนำไปเผยแพร่ก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่เรื่องเหล่านี้ต้องไม่ใช่ข้ออ้างในการนำมาปกปิดความจริงหรือปกปิดความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ และเป็นเรื่องที่สามารถบริหารจัดการให้เกิดสมดุลได้ เช่นเดียวกับการเรียนรู้เรื่องเพศในแบบอื่นๆ แม้กระทั่งในสถานศึกษา ธัญยืนยันว่า การปิดกั้นไม่อาจทำให้ปัญหาที่ DE อ้างถึงนั้นหายไปได้ อย่างมากก็เพียงโยกย้ายช่องทางหรือหาทางเข้าถึงใหม่เพียงเท่านั้น และเรื่องเหล่านั้นก็คือความปกติที่ต้องทำความเข้าใจมากกว่าการทำให้หายไป

อย่าพยายามหล่อเลี้ยงความใสซื่อให้กับสังคม เพราะจะยิ่งนำพาสร้างสังคมให้มีแต่ความตอแหล ควรสร้างสังคมให้เปิดกว้างก็เพื่อความเข้มแข็งทางความคิดและการใช้ชีวิตของประชาชนเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image