ท่าทีจากบางส่วนภายในพรรคพลังประชารัฐต่อการขับเคลื่อน “คณะกรรมการสมานฉันท์” ต่อการขานรับโดย”อดีต”นายกรัฐมนตรี 3 คน ที่จะเข้าร่วมส่วนในการแก้ปัญหาอันกำลังกลายเป็นวิกฤต น่าศึกษา
ไม่ว่าจะเป็นคำขู่จากมือกฎหมายที่ว่า หาก”คณะกรรมการสมานฉันท์” รับเอาประเด็นว่าด้วย”การปฏิรูปสถาบัน”เข้ามาพิจารณาก็จะดำเนินการฟ้องร้อง
ไม่ว่าจะเป็นการหยิบเอาแต่ละอดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น นายอานันท์ ปันยารชุน ไม่ว่าจะเป็นพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ไม่ว่าจะ เป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นมา”ด่า”อย่างสาดเสียเทเสีย
สะท้อนให้เห็นว่าพรรคพลังประชารัฐมีท่าทีอย่างไรต่อพัฒนาการแห่ง”คณะกรรมการสมานฉันท์” อันเสนอโดยพรรคประชาธิปัตย์และขับเคลื่อนโดยรัฐสภา
เพราะว่าเป็นมติ”ร่วม”อันเกิดขึ้นจากที่ประชุมโดยปริยาย
เพราะว่าเป้าหมายในการขับเคลื่อนคณะกรรมการนี้ก็เพื่อเป้า หมายของ”การสมานฉันท์”และยุติปัญหาความขัดแย้ง
ต้องยอมรับว่าท่วงท่าอาการอันมาจากพรรคพลังประชารัฐ กับ ท่วงท่าอาการอันมาจากเยาวชน นักเรียน นิสิตนักศึกษา ในนามแห่ง
“คณะราษฎร 2563” มีความแตกต่างกัน
บทสรุปของเยาวชน นักเรียน นิสิตนักศึกษา มองว่าคณะกรรม การนี้เป็นการซื้อเวลาในทางการเมือง
หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ลาออกก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
ตรงกันข้าม คณะกรรมการอันรัฐสภากำลังดำเนินโดยขั้นต้นมีวัตถุประสงค์จะเชิญอดีตนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมก็เพื่อหาทางออกมิให้ปัญหาที่เกิดขึ้นบานปลายกระทั่งกลายเป็น”วิกฤต”
ไม่ว่าจะมองว่าเป็นการจัดตั้งขึ้นเพื่อแก้ปัญหาและความขัดแย้ง ไม่ว่าจะมองว่าเป็นการจัดตั้งขึ้นเพื่อซื้อเวลา แต่ในที่สุดแล้วคณะกรรมการนี้ก็จะเป็นประโยชน์
เท่ากับเป็นการช่วยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มองเห็นทางออกจากปัญหา ไม่ปล่อยให้คาราคาซังจะกลายเป็นวิกฤต
การที่ส.ส.บางคนแห่งพรรคพลังประชารัฐออกมาวิพากษ์วิจารณ์อดีตนายกรัฐมนตรีไล่เรียงตั้งแต่ นายอานันท์ ปันยารชุน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ กระทั่ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สะท้อนให้เห็นความหวาดระแวง
ระแวงต่อประธานรัฐสภา ระแวงต่ออดีตนายกรัฐมนตรี เหมือนวัวสันหลังหวะ เพียงเห็นอีกาบินผ่านก็บังเกิดความหวาดกลัว