ฉาย บุนนาค ยัน 3 ผู้ประกาศ ‘อัญชะลี-สันติสุข-สถาพร’ออกไม่กังวลเรทติ้งตก

ฉาย บุนนาค บิ๊กเนชั่น ยืนยัน ผู้ประกาศ ลาออก 3 คน “อัญชะลี-สันติสุข-สถาพร” ไม่กังวลเรทติ้งตก สิ่งที่สำคัญที่สุดของเนชั่น คือความรับผิดชอบสังคม  หากเปิดรับคนใหม่ ต้องมีแนวคิดไม่ล้มล้างสถาบัน

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน ที่โรงแรมเดอะ เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด ( มหาชน) เปิดใจถึงข่าวลือการตบเท้าลาออกของผู้ประกาศชื่อดัง ว่า มองว่าขณะนี้ไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกองค์กรมีคนเข้ามาก็ออกไป ผู้จัดรายการมีปรับเปลี่ยน เป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจ และไม่มีผลต่อคนดู เพราะเนชั่นมีมานานกว่า 49 ปี ระหว่างทางผ่านอะไรมามากมาย จนเติบโตมาเป็นสถาบัน เมื่อเป็นต้นไม้ใหญ่แล้วแน่นอนว่าต้องมีคนออกไปและกลับเข้ามา เป็นเรื่องปกติ เราไม่ได้ล่มสลายไปกับการเปลี่ยนแปลง โดยขณะนี้มีผู้ประกาศ 3 คน ที่ยื่นหนังสือลาออก คือ พี่ปอง น.ส.อัญชะลี ไพรีรักษ์ นายสันติสุข มะโรงศรี และนายสถาพร เกื้อสกุล ทั้งสามคนมีผล 30 พฤศจิกายน นี้

นายฉาย กล่าว่วา ตอนนี้พี่ปอง ยังทำหน้าที่อย่างดีตามความรับผิดชอบต่อองค์กรอยู่ และจะทำหน้าที่ถึงวันสุดท้าย คือ 30 พฤศจิกายน ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้ง ตนรักพี่ปอง รักคุณสันติสุข เหมือนเดิม ส่วนผู้ประกาศคนอื่นๆ เช่น นายกนก รัตน์วงศ์สกุล นายธีระ ธัญไพบูลย์ และคนอื่นๆ ตนยังไม่เห็นใบลาออก จึงยังเป็นพนักงานของเนชั่นอยู่ ตนไม่ทราบเรื่องข่าวลือ ส่วนตัวได้ไลน์ไปสุขสันต์วันเกิดพี่กนก ยืนยันว่าพี่กนก ยังเป็นพนักงานที่เนชั่น

เมื่อมีข่าวลือผู้ประกาศชื่อดังหลายคนลาออก ไม่ได้เรียกใครมาพูดคุยเป็นพิเศษ เพราะเขาก็ยังทำงานตามปกติ ก็ได้พูดคุยกับพี่ปองบ้าง แต่ไม่ได้คุยถึงเหตุผลที่ลาออก ตัวพี่ปองเป็นคนมีความรับผิดชอบ ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีอะไรที่ตนสามารถจะติติงได้เลย ก็ขอขอบคุณและอวยชัยให้เขาประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าเป็นผู้จัดรายการอาวุโสในวงการ เรามีความเคารพรักใคร่กันส่วนตัว การจากไป อาจเป็นการจากไปเพื่อกลับมา เพราะนี่เป็นการกลับมาครั้งที่ 2 ของพี่ปองอยู่แล้ว ส่วนจะพี่ปองจะกลับมาอีกครั้งหรือไม่ ทุกอย่างเป็นไปได้หมด มันขึ้นอยู่กับโอกาสและปัจจัยต่างๆ ตนเข้าใจว่าทุกคนมีวิถี มีการเจริญเติบโตทางอาชีพการงาน

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่เมื่อผู้ประกาศที่ลาออกไปเป็นแบรนด์ดึงดูดคนดู และมีผลต่อเรทติ้ง นายฉายกล่าวว่า เราขายความน่าเชื่อถือ ไม่ได้ขายดาราหน้ากล้อง ขายความรับผิดชอบต่อสังคม นั่นคือสิ่งที่เนชั่นยึดมั่นดำเนินการมาโดยตลอด ยึดมั่นในจริยธรรม จรรยาบรรณ และความรับผิดชอบต่อสังคม นำข้อมูลข่าวสารที่น่าเชื่อถือสู่สังคม เพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม ส่วนเรทติ้งเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการตัดสินใจซื้อโฆษณาของลูกค้า แน่นอนว่ามีความสำคัญ แต่ไม่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญที่สุดของเนชั่นคือการรับผิดชอบต่อสังคม ของข้อมูลข่าวสารที่ออกสู่ประชาชน

ส่วนใครจะมาทำหน้าที่แทน ตนยังไม่ได้คิด มองแค่ว่าที่ผ่านมามีผู้ประกาศในบริษัทที่ได้รับโอกาสน้อย ก็จะให้โอกาส เพราะเนชั่นเป็นสถาบันต้องพัฒนาคนข่าว เป็นเสมือนสโมสรฟุตบอล มีนักเตะเข้ามาแล้วย้ายออกไป มีอคาเดมี่ที่แข็งแรงพัฒนาคน แต่ก็ไม่ปิดโอกาสที่จะรับสมัครผู้ประกาศใหม่ ต้องมีแนวคิดเดียวกับบริษัท ต้องไม่มีแนวคิดล้มล้างสถาบัน และเป็นผู้มีความเหมาะสม ซึ่งวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน จะมีการประชุมใหญ่ เราจะสรุปให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง

ถามต่อว่า อดีต 3 บก. เครือเนชั่น จะเข้ามามีบทบาทอีกครั้งหรือไม่ นายฉาย กล่าวว่า มีบก.เยอะมาก แต่แน่นอนว่าเป็นองค์กรข่าว มีพื้นที่ให้กับผู้จัดรายการ นักข่าว ในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร หลักการคือต้องผลิตสิ่งที่ดีออกสู่สังคม แต่อุดมการณ์ไม่ได้เปลี่ยน ตั้งแต่ตนเข้ามาก็สานต่ออุดมการณ์ในสิ่งที่ผู้ก่อตั้งเดิมสร้างไว้ ส่วนจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ภายในองค์กรในการนำเสนอข่าวหรือไม่นั้น นายฉาย กล่าวว่า จริงๆ การนำเสนอข่าวขึ้นอยู่กับกองบรรณาธิการ ทำหน้าที่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ยืนยันว่า เนชั่นเป็นบริษัทที่มีความแข็งแรง สิ้นปีนี้มีกระแสเงินสดกว่า 100 ล้าน เชื่อมั่นว่าเป็นองค์กรสื่อที่ทำข่าวมีผลกำไรมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ใครจะอยู่ใครจะไป ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

Advertisement

ผู้สื่อถามว่าแฮทแท็ก #แบนเนชั่น กับ โควิด-19 อันไหนมีผลกระทบมากกว่ากัน นายฉาย กล่าวว่า ที่ผ่านมาองค์กรเนชั่นไม่ได้พึ่งพิงรายได้จากโฆษณาอย่างเดียว มีรายได้อื่นๆ ด้วย จึงกระทบเพียงเล็กน้อย ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิดเลย อาจกระทบเรื่องการทำทัวร์ การจัดอีเว้นท์บ้าง แต่ด้านโฆษณาไม่กระทบเลย ซึ่งบริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ งบการเงินทุกอย่างตรวจสอบได้อยู่แล้ว

ถามว่าการนำเสนอข่าวในสถานการณ์การชุมนุมจะเปลี่ยนไปหรือไม่ นายฉาย กล่าวว่า เครือเนชั่นมีสื่อหลายแบรนด์ ในสถานการณ์แบบนี้ เราก็กำชับว่า อาจจะต้องระมัดระวังมากขึ้น ในสถานการณ์ที่เปราะบาง มันเป็นเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม แต่ยังยืนหยัดในอุดมการณ์เหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน สิ่งที่เนชั่นระมัดระวังเรื่องการนำเสนอข่าวในสถานการณ์ความขัดแย้ง คือ ต้องตรวจสอบข้อมูลก่อนนำเสนอ ปฏิบัติตามจริยธรรม จรรยาบรรณ เราไม่ต้องการนำสังคมไปสู่ความขัดแย้ง ความรุนแรง ความเกลียดชัง นี่คือนโยบายของบริษัท แต่ต้องคู่ขนานไปกับความรับผิดชอบต่อสังคม และข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วน ตรงไปตรงมา เป็นประโยชน์ต่อสังคม

ความเป็นกลางของสื่อในนิยามของตน คือ เอาข้อมูลข่าวสารที่ครบถ้วนมาให้ผู้ชมทุกด้าน และต้องทำหน้าที่ตรวจสอบด้วย มองเสียงวิจารณ์ของสังคมว่าเนชั่นไม่เป็นกลาง ว่า องค์กรยึดมั่นในอุดมการณ์ในการปกป้องสถาบันหลักของประเทศ คือ ชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ตรงนี้เราไม่เป็นกลาง เพราะเป็นหน้าที่ของคนไทย หน้าที่ขององค์กร หากบอกว่าการปกป้องสถาบันคือไม่เป็นกลาง ตนก็ไม่รู้จะแปลว่าอะไร


ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรกรณีที่ผ่านมาผู้ชุมนุมดึงเนชั่นมาเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง นายฉาย กล่าวว่า หากนำเสนอข่าวสารที่บิดเบือน ประชาชนสามารถใช้สิทธิทางกฎหมายในการฟ้องร้อง แต่ที่ผ่านมาผู้ชุมนุมไม่มีการฟ้องร้อง มีแต่วาทกรรมว่าบิดเบือน บิดเบือนอย่างไรช่วยตอบหน่อย หากบิดเบือน หมิ่นประมาท ละเมิด ก็ใช้สิทธิทางกฎหมายได้เลย ยืนยันว่าไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งในสังคม แน่นอนว่าเมื่อเราทำหน้าที่เป็นกระจกเงาของสังคม ก็ต้องเป็นกระจกเงาสะท้อนตัวเองด้วย เรามีการประเมินตัวเองตลอด เให้อิสระการทำงานของกองบรรณาธิการ แต่เมื่อกองบรรณาธิการทำอะไรผิดก็มีการพูดคุยตักเตือนกันตลอดเวลา และน้อมรับฟังทุกเสียงสะท้อน เรารับฟังผู้ชุมนุม ขอบคุณมากที่มาชุมนุมอย่างสงบ สังคมประชาธิปไตยต้องรับฟังทุกความเห็น ไม่ใช่ว่าเมินเฉย ไม่ได้มองผู้ชุมนุมเป็นฝ่ายตรงข้าม แต่ไม่สนับสนุนการจาบจ้วงสถาบัน

นายฉาย กล่าวอีกว่า ได้ประเมินการนำเสนอข่าวที่ผ่านมาของเนชั่นตลอดว่าสิ่งที่นำเสนอไปเหมาะสมหรือไม่ เป็นคุณหรือโทษหรือไม่ ความรับผิดชอบของตนไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง อย่างบางช่องนำเสนอเรื่องน้องชมพู่ เป็นเหมือนการชี้นำทางคดี แบบนี้เนชั่นไม่ทำ หลายคนบอกเนชั่นเปลี่ยนอุดมการณ์

นายฉายกล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานบริษัท ตระกูลตนรับใช้ประเทศชาติมานานกว่า 300 ปี เลือดทุกหยดในตัวเพื่อรักษาเสาหลักของประเทศ เพราะฉะนั้นการปล่อยข่าวลือต่างๆ ช่วงนี้ เป็นเจตนาร้ายของผู้ไม่หวังดี เป็นการกลั่นแกล้งทางธุรกิจ

ถามว่านายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม หรือต้อย ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ มีปัญหากับเนชั่น หรือไม่ นายฉาย กล่าวว่า พี่ต้อยเป็นบุคคลที่รักและเคารพเสมอ และไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนการลาออกของพี่ปอง เกี่ยวข้องกับคุณสนธิญาณ หรือไม่ ตนไม่ทราบ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image