เปิดตัว ‘นักเรียนไท’ กลางสนามหลวง หวังรวมแนวร่วมทุกภูมิภาค ดัน 3 ข้อ สู้ระบบอาวุโส
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ กลุ่มนักเรียนไทและแนวร่วม นำโดย น.ส.สุพิชฌาย์ ชัยลอม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมอ่านแถลงการณ์เปิดตัวกลุ่มนักเรียนไท โดยมีเนื้อบางส่วน ดังนี้
“เยาวชนทั้งหลาย นับแต่สังคมไทยได้ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมา เราเยาวชน เป็นกลุ่มคนที่ถูกกดทับมาโดยตลอด ไม่ว่าจะผ่านการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ จากโครงสร้างรัฐและสังคม จากการเลี้ยงดูอย่างไร้ความรับผิดชอบของผู้ให้กำเนิดบางคน รวมถึงการไม่แม้แต่จะพยายามแก้ไขปัญหานของเยาวชนในด้านต่างๆ อย่างยั่งยืนจากรัฐ เพียงเพราะเราอายุน้อยกว่าและอ่อนประสบการณ์ในความคิดของผู้ใหญ่
เราเป็นกลุ่มคนที่เขาคิดว่าไม่ควรมีแม้แต่สิทธิในการแสดงความคิดเห็น เพียงเพราะเขามองว่าเราเป็นเด็ก ควรจะเดินตามกรอบของผู้ใหญ่ที่โตกว่า ห้ามคิด ห้ามขัด ห้ามถาม และห้ามวิจารณ์ หรือไม่เช่นนั้นก็จะถูกเรียกขานว่าเป็นเด็กเนรคุณ เพราะระบบอำนาจนิยม โครงสร้างสังคมไทยที่แบ่งแยกความเป็นผู้น้อย ผู้ใหญ่ นั้น กดทับเราเยาวชนมานานเหลือเกิน
แต่ยุคสมัยได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้มีอำนาจเพียงใดก็มิอาจขัดสายธารแห่งโลกาภิวัตน์และสายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ จากนี้ไป เราจะไม่ทนต่อการใช้อำนาจที่ล้าหลังเหล่านี้มากดทับเราเยาวชนอีกแล้ว เสียงของพวเราจะต้องมีความหมายและถูกรับฟัง สิทธิ เสรีภาพของเยาวชนจะต้องถูกรับรองในระบบการเมืองใหม่ที่มีประสิทธิภาพและเท่าเทียม เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้พัฒนาตนเองเต็มที่ เพื่อเติบโตต่อไปเป็นพลเมืองที่เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมพัฒนาประเทศของเราให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป
ด้วยเหตุผลนี้ กลุ่มนักเรียนไทและแนวร่วม จึงของประกาศสนับสนุนข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่
1.พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และองคาพยพยต้องลาออกทันที
เนื่องจากการบริหารราชการแผ่นดินภายใต้การนำของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งขึ้นสู่อำนาจจากการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่เต็มไปด้วยข้อกังขาในปี 2560 ทำให้ประชาชนได้เห็นถึงความโสมม ที่บริหารประเทศโดยขาดความรู้และคุณสมบัติของการเป็นผู้ปกครองที่ดี ทั้งจากการบริหารที่ไม่โปร่งใส ไร้ประสิทธิภาพ ทำลายเศรษฐกิจ หลักการสิทธิมนุษยชน และหลักการประชาธิปไตย รวมถึงการใช้สถาบันเป็นเครื่องมือทางการเมือง ดังนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และองคาพยพจึงต้องลาออกทันที เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ซึ่งรวมถึงเยาวชนด้วย
2.ต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ที่มาจากประชาชน และเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งเขียนโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีลักษณะเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มการเมืองของตนเองอย่างชัดเจน และไม่ได้ผ่านประชามติตามหลักที่ถูกต้อง โดยรัฐบาลของ คสช.ในขณะนั้นไม่ให้ข้อมูลประชาชนที่ถูกต้อง และคุกคาม จับกุมผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าว รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวจึงไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย และเป็นของประชาชน หากแต่เป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจของเผด็จการ ดังนั้น รัฐธรรมนูญใหม่ หลังจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้มีอำนาจและอิทธิพลในการแทรกแซงใดๆ แล้ว จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
3.ต้องปฏิรูปสถาบัน ซึ่งการปฏิรูปในที่นี้ เป็นการปกป้องและทำให้ดีขึ้น มิใช่ตามที่บุคคลบางกลุ่มได้กล่าวอ้าง
ทั้งสามข้อเรียกร้องนี้ เป็นการนำปัญหาที่เป็นสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาทั้งหมดมาแก้ไข และจะเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูประชาธิปไตยในประเทศไทย ซึ่งจะนำไปสู่การมีสิทธิ เสรีภาพของเยาวชนอย่างที่ควรจะเป็น”
จากนั้น น.ส.สุพิชฌาย์กล่าวว่า กลุ่มนักเรียนไท มีเป้าหมายหลัก คือการรวมแนวร่วม แกนนำจากทุกภูมิภาค โดยยังมีองค์กรนั้นๆ อยู่ นั่นหมายความว่า เป็นการขยายแนวร่วมแบบแกนนอน เราจะไม่สร้างความแตกแยก และจะไม่ทำลายแนวร่วม แต่จะขยายและรวมแนวร่วมเป็นกลุ่มก้อน ซึ่งคิดว่าแนวทางในอนาคตก็น่าจะมีการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง และเข้าร่วมกับราษฎร เพื่อประกาศว่า นักเรียน คือ หนึ่งในราษฎร เช่นกัน
โดยกลุ่มนักเรียนไท เป็นการรวมตัวนักเรียนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ มีแกนนำจากภาคเหนือ อีสาน ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 10 กว่ากลุ่ม
เมื่อถามว่าแนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเรียนไท จะแตกต่าง หรือคล้ายกลุ่มอื่นๆ อย่างไร เช่น กลุ่มนักเรียนเลว กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท
น.ส.สุพิชฌาย์เผยว่า ความแตกต่างอยู่ที่ว่า กลุ่มเราสร้างขึ้นมาเพื่อเรียกร้อง 3 ข้อเสนอ ซึ่งกลุ่มอื่นจะพูดถึงการศึกษา และรัฐบาล แต่เราจะพูด 3 ข้อเรียกร้องโดยตรง จุดร่วมคือ ต้องการให้ประเทศนี้ดีขึ้น มีชีวิตที่ดีกว่านี้ สอดรับกับข้อเรียกร้องของกลุ่มราษฎร
เมื่อถามว่า กลุ่มนักเรียนไทจะร่วมกิจกรรมกับกลุ่มนักเรียนแลว ในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ หรือไม่ น.ส.สุพิชฌาย์กล่าวว่า ดูสถานการณ์ไปก่อน โดยหลักของขบวนการขับเคลื่อนประชาธิปไตย คนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เราช่วยเหลือกันตลอด ถ้านักเรียนเลวต้องการความช่วยเหลือจากเรา เราก็พร้อมให้ความช่วยเหลือเสมอ ในทางที่เป็นสันติ ไม่สร้างความแตกแยก
“ความจริงโมเดลของกลุ่มไม่ได้ต่างจากกลุ่มอื่นเท่าไหร่ แต่เท่าที่ทุกคนสังเกตเห็นคือ ช่วงนี้พลังของนักเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ เกิดแกนนำขึ้นในทั่วทุกภูมิภาค หน้าที่เราคือการรวมตัวมาอยู่ด้วยกัน ขั้วอุดมการณ์ จุดยืนเดียวกัน เพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน เราเหมือนกลุ่มแนวร่วมที่สักวันหนึ่งเราจะได้ทำกิจกรรมด้วยกันภายใต้ชื่อเดียวกัน ไม่ใช่การตั้งกลุ่มแยกเพื่อต้องการสร้างชื่อเสียง แต่เราต้องการขับเคลื่อนประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เราสลัดคราบชุดนักเรียนออก เพื่อต้องการประกาศว่า เราคือนักเรียน ที่เป็นหนึ่งในประชาชนของประเทศเช่นเดียวกัน เราไม่ได้เพียงต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ แต่เรากำลังต่อสู้กับระบบอาวุโส ที่พยายามกัดกิน ปิดกั้นคนรุ่นใหม่เอาไว้ด้วย กลุ่มของเราจึงกำเนิดขึ้นมา”
“ตอนนี้กระแสเรียกร้องประชาธิปไตยมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งเดียวที่ประเทศไทยต้องขับเคลื่อนไปด้วย คือการเอาจารีต ประเพณี เอาความคิดความเชื่อบางอย่างที่ล้าหลังออกไปด้วย ไม่เช่นนั้นประเทศเราจะไม่มีทางเดินหน้าต่อไปได้เลย หากเรายังมีระบบความคิดเดิมๆ อยู่ กลุ่มนักเรียนไท จะเป็นหนึ่งในพลังของนักเรียน ที่พยายามขับเคลื่อนไปด้วยกัน พลังของนักเรียนตอนนี้อ่อนแอ เราโดนกดทับจากโรงเรียน ครอบครัว ทางสังคม ที่มองว่าเรายังเป็นเด็กอยู่ พลังของนักเรียนเติบโตในระยะสั้นๆ กลายเป็นคลื่นลูกใหม่ แต่ว่ายังมีความอ่อนแออยู่ ซึ่งการจะทำให้พลังนักเรียนเข้มแข็งเท่ากับพลังนักศึกษา ประชาชนได้ ต้องใช้เวลา ซึ่งกลุ่มนักเรียนไทจะเป็นหนึ่งพลังที่พยายามขับเคลื่อน การเป็นนักเรียน ให้ก้าวไปสู่พลังของการเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตย” น.ส.สุพิชฌาย์กล่าว
