‘เพื่อไทย’ เสนออาวุธ 4 อย่าง ให้รบ. รับนโยบายเศรษฐกิจของว่าที่ ปธน. สหรัฐ คนใหม่

‘เพื่อไทย’ เสนออาวุธ 4 อย่าง ให้รบ. รับนโยบายเศรษฐกิจของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน นายจักรพงษ์ แสงมณี กรรมการบริหาร และทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า นายโจ ไบเด็น สามารถคว้าชัยชนะจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในครั้งนี้มาได้ เตรียมขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา การเข้ารับตำแหน่งของนาย โจ ไบเดน จะมาพร้อมกับนโยบายเศรษฐกิจ และนโยบายต่างประเทศที่แตกต่างจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แม้ว่านโยบายด้านเศรษฐกิจของ นายไบเดน ดูจะเอื้อประโยชน์ต่อการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้ามากขึ้น แต่โอกาสของแต่ละประเทศก็แตกต่างกันไปตามสิทธิประโยชน์ และข้อตกลงทางการค้าที่มีต่อกัน ในกรณีของไทยการเจรจาข้อตกลงเขตเสรีทางการค้าในกรอบทวิภาคีระหว่างไทย กับสหรัฐหยุดชะงักไปตั้งแต่ปี 2549 หลังการรัฐประหาร และมาถูกคั่นด้วยช่วงเวลาที่สหรัฐฯ เคยมีบทบาทเป็นผู้นำกลุ่ม TPP ที่เคยประสงค์จะให้ไทยเข้าร่วมกลุ่มกับสหรัฐฯ ในรูปแบบพหุภาคี จนแล้วจนรอดไทยก็ไม่อาจกลับสู่การเจรจาข้อตกลงกับสหรัฐฯ ได้อีกเนื่องจากไทยอยู่ในช่วงรัฐบาลทหารอย่างยาวนาน และเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของไทยที่ไม่เอื้อต่อการกลับเข้าสู่การเจรจากับสหรัฐฯ ยิ่งไปกว่านั้น การเจรจาในเชิงพหุภาคี ไม่ว่าจะเป็นข้อตกลง Trans Pacific Partnership (TPP) หรือ Indo – Pacific Strategy ทางการไทยก็ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆ ได้ เช่นกัน เนื่องจากที่ผ่านมา นโยบายด้านการต่างประเทศของไทยขาดความเป็นตัวของตัวเองในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ และการค้าระหว่างประเทศที่เหมาะสม รวมทั้งการบริหารงานเพื่อการแก้ไขและป้องกันปัญหาด้านการค้าระหว่างประเทศก็ขาดประสิทธิภาพ ตัวอย่างที่มีให้เห็นก็คือการแก้ไขปัญหาต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้ไทยต้องถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือ GSP ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ให้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีนำเข้าสินค้าไทยถึงสองครั้งในปีนี้ รวมทั้งสิ้น 804 รายการ จากประมาณ 3,500 รายการ ซึ่งไทยส่งสินค้าไปสหรัฐฯ ในปี 2562 มูลค่ากว่า 31,348 ล้านเหรียญฯ

นายจักรพงษ์ กล่าวว่า อาวุธสำคัญที่รัฐบาลต้องใส่ใจ 4 ประการ คือ

1. เร่งเจรจาข้อตกลงทางการค้าการลงทุน ทั้งทวิภาคี และพหุภาคี โดยเร่งเจรจา ข้อตกลงเขตการค้าเสรีทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรป เพื่อลดอุปสรรค และสร้างความได้เปรียบทางการค้าการลงทุนซึ่งเมื่อการเจรจาสำเร็จเสร็จสิ้น ย่อมเป็นแท่นกระโดดสำคัญของธุรกิจทั้งการค้าและการลงทุนของไทย

2.รัฐบาลมีหน้าที่ทำงานใกล้ชิดกับธนาคารแห่งประเทศไทย ให้มีนโยบายการเงินที่สนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันได้ ตั้งแต่การเตรียมแหล่งสินเชื่อให้เพียงพอแก่ภาคธุรกิจที่คาดว่าจะได้อานิสงส์ ไปจนถึงการมีเสถียรภาพ และระดับของค่าเงินบาทที่เอื้อต่อบรรยากาศทางการค้าและการลงทุน

Advertisement

3.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันแก่ภาคเอกชนด้วยการยกเลิก และปรับปรุง กฎหมาย และการอนุญาตที่ไม่เหมาะสมให้อำนายความสะดวกและลดต้นทุนแก่ผู้ประกอบการตามที่ TDRI เสนอแนะ

และ 4.ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีทั้งในภาครัฐและเอกชนเพื่อประสิทธิภาพ และความโปร่งใส

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image