เหมือนกับความพยายามของ “ราษฎร” จะล้มเหลว แม้จะเดินเท้าจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อไปส่ง “สาส์น” ยังหน้าสำนักพระราชวังจะเดินทางไปถึงเพียงหน้าศาลฎีกา
กระนั้น หากใครติดตามการเคลื่อนไหวของ “ราษฎร” อย่างมองเห็นขั้นตอน จังหวะก้าวในทางการเมือง
ก็จะตอบได้ว่า ความพยายามมิได้ “ล้มเหลว”
เพราะกระบวนการของ “ราษฎร” มิได้เป็นกระบวนการชิงพื้นที่ในทาง “กายภาพ” อันมีลักษณะในทางภูมิศาสตร์และภูมิทัศน์เป็นคำตอบสำคัญ
ตรงกันข้าม นี่เป็นกระบวนการต่อสู้ในทาง “ความคิด” แต่ละจังหวะก้าวล้วนสะท้อนถึงสัญลักษณ์อันเป็นพื้นฐานของการต่อสู้ออกมาอย่างเด่นชัด
เริ่มจากการเคลื่อนขบวนจากสามย่านไปยังถนนสาทร ตามมาด้วยการเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังสนามหลวง
ภาพอันปรากฏเป็น “ข่าว” เด่นชัดอย่างยิ่ง “สาส์น” ของ “ราษฎร” คืออะไร
ความจริง “ราษฎร” ได้รุกคืบเข้ายึดครองพื้นที่ข่าวมากยิ่งขึ้น มากยิ่งขึ้นเป็นลำดับ หากเปรียบเทียบจากเมื่อแรกปรากฏตัวของ “เยาวชนปลดแอก” ในเดือนกรกฎาคม กระทั่ง “ราษฎร” ในเดือนตุลาคม
จากที่เบื้องต้นได้รับการกล่าวถึงเพียงในพื้นที่ “ออนไลน์” แต่ในที่สุด แม้กระทั่งสื่อเก่าอย่างหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ก็มีการอ้างอิง
ความจริงนับแต่พวกเขาเคลื่อนขบวนจากสามย่านไปยังสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีก็มีการถ่ายทอดสดจากสื่อใหญ่ไม่ว่าหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์มาแล้ว
ยิ่งเมื่อเปิดปฏิบัติการ “ราษฎรสาส์น” ไม่เพียงแต่บางภาคส่วนติดบ่วงผ่านปฏิบัติการ “ประชาสาส์น” หากแต่ละก้าวย่างของพวกเขากระทั่งสลายการชุมนุมล้วนอยู่ในความรับรู้
แทบไม่มีใครไม่รู้ว่า “ราษฎร” กำลังทำอะไรใกล้สำนักพระราชวัง
บทบาทของตำรวจในการสกัดขัดขวางดำเนินไปอย่างไร การยืนหยัดของ “ราษฎร” เป็นอย่างไรรู้กันโดยถ้วนทั่ว
คำถามอันตามมาโดยอัตโนมัติก็คือ รัฐบาลจะปล่อยให้สถานการณ์นี้เดินหน้าต่อไปโดยมิได้นำมาขบคิดพิจารณาและหาหนทางออกให้ เหมาะสมอีกหรือ
เป็นคำถามถึง “รัฐบาล” ในจุดอันเป็นผู้ “บริหารจัดการ” ว่ายังสามารถ “บริหารจัดการ” ได้และ “บริหารจัดการ” เป็นหรือไม่