ไม่ว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่ว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ล้วนขาน รับเสียงของ นายชวน หลีกภัย ที่แล่นมาตามสายโทรศัพท์ พร้อมให้ข้อคิดอันเป็นประโยชน์ต่อการปรองดองสมานฉันท์
เพียงแต่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อาจติดด้วยเงื่อนไขบางอย่าง ขณะที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พร้อมอย่างเต็มเปี่ยม
หากผนวกรวมเข้ากับท่าทีอันมาจาก นายอานันท์ ปันยารชุน อันมาจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์ อันมาจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถือได้ว่าการขยับของ นายชวน หลีกภัย อบอุ่น
นั่นหมายความว่า อย่างน้อย 5 อดีตนายกรัฐมนตรีก็พร้อมให้ ความร่วมมือกับ นายชวน หลีกภัย ในการแสวงหาหนทางเพื่อขจัด ปัญหาอันวางแบอยู่เบื้องหน้า
ความหมายก็คือ เป็นปัญหาที่สะสมมาตั้งแต่รัฐประหารเมื่อ เดือนกันยายน 2549 เป็นปัญหาที่สะสมมาตั้งแต่รัฐประหารเมื่อ เดือนพฤษภาคม 2557
เป็นปัญหาอันเกิดขึ้นภายหลังการเลือกตั้งอย่างเป็นการทั่วไป เมื่อเดือนมีนาคม 2562
อาจเป็นเพราะบารมีของ นายชวน หลีกภัย อาจเป็นเพราะปัญหาอันเผยแสดงอย่างหนักหนาสาหัสภายหลังการเลือกตั้งอย่างเป็นการทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคม 2562
ทำให้อย่างน้อย 5 อดีตนายกรัฐมนตรีพร้อมที่จะเสียสละและทุ่มเวลาให้คำปรึกษาให้ความร่วมมือ
นี่ย่อมเป็นข่าวดีอย่างแน่นอน เว้นก็แต่บางพวกบางฝ่ายเท่านั้น ที่บังเกิดความหงุดหงิด ความไม่พอใจ และถึงกับออกมาขู่ว่าอาจจะมีการฟ้องร้องหากมีการนำเอาข้อเสนอ 3 ข้อจาก”ราษฎร”ขึ้นมาถก
อย่าได้แปลกใจหากมี ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐอันมี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค ถึงกับออกมาวิพากษ์วิจารณ์และถึงกับ”ด่า”อดีตนายกรัฐมนตรีที่แสดงความปรารถนาดี
นี่ย่อมสะท้อนให้เห็นความรู้สึกจากภายในพรรคพลังประชารัฐ
หากอาศัยบทสรุปจากความจัดเจนของโคลงโลกนิติที่ว่า”สายบัวบอกลึกตื้น ชลธาร”ย่อมมีความแจ่มชัด
ความหงุดหงิด ความไม่พอใจที่มาจากพรรคพลังประชารัฐแตกต่าง จากการปฏิเสธจาก”ราษฎร”อย่างแน่นอน เพราะข้อเสนออันปรากฏ ขึ้นมีความแจ่มชัดแน่นอน
ความหงุดหงิดจากพรรคพลังประชารัฐเท่ากับยอมรับว่าปัญหาที่จะบานปลายกลายเป็นวิกฤตมีรากเหง้ามาจาก”ใคร”