‘บก.ลายจุด’ ขอวิเคราะห์ ปม ‘ม็อบแผ่ว’ ชี้ เป็นเพียงรายงาน ‘ปลอบใจผู้มีอำนาจ’
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก “สมบัติ บุญงามอนงค์” โดยมีเนื้อหาวิเคราะห์ปรากฏการณ์ทางการเมือง ทั้ง ฝ่ายกลุ่มราษฎร และ ฝ่ายความมั่นคง ในเวลานี้ ว่า
สู่วัฒนธรรม Mob
ท่ามกลางบทวิเคราะห์ของฝ่ายความมั่นคงว่าม๊อบอยู่ในช่วงขาลงหรือม๊อบแผ่ว และเตรียมใช้มาตรการทางกฏหมายจัดการกับแกนนำและบุคคลที่มีบทบาท ผมขออนุญาตวิเคราะห์ปรากฏการณ์ในช่วงนี้ดังนี้
– ม๊อบรอบนี้เกิดขึ้นจากการชุมนุมของเยาวชนปลดแอก ซึ่งประกาศการชุมนุมแบบไม่มีใครตั้งตัวทั้งรัฐบาลและผู้เข้าร่วม แต่ปริมาณการชุมนุมครั้งแรกก็เกิดขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ และยกระดับทั้งในเชิงปริมาณและเนื้อหาต่อเนื่อง สิ่งนี้เกิดขึ้นบนบริบทของสังคมที่มีกระแสความไม่พอใจต่อรัฐบาลประยุทธ์ ความไม่พอใจนี้เปรียบได้กับใบไม้และกิ่งไม้ในป่าที่แห้งจนพร้อมที่จะจุดเป็นไฟป่าขนาดใหญ่ขึ้นมาได้ เพียงการขับเคลื่อนของเยาวชน ที่แทบไม่มีใครรู้จักปรากฏการณ์ม๊อบที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ประยุทธ์บริหารประเทศมา 6 ปีก็เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย
– จากเยาวชนปลดแอกมาเป็นประชาชนปลดแอก เกิดกลุ่มเคลื่อนไหวคู่ขนานอย่างแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ และกลุ่มนักเรียนเลว ซึ่งต่อมาเกิดเป็นแฟรนไชส์ที่ต่อท้ายกลุ่มว่า ปลดแอก หรือ ราษฏร การแตกตัวของม๊อบไปทั่วประเทศเหมือนสะเก็ตไฟที่ปลิวไปตกตามที่่ต่างๆ เอาจริงๆ ถ้าไม่มีกระแสความไม่พอใจต่อพลเอกประยุทธ์ การลุกลามครั้งนี้ไม่น่าเกิดขึ้นได้ แต่ฝ่ายความมั่นคงปลอบใจตัวเองว่าเพราะมีคนพยายามจุดไฟกระแสไม่พอใจต่อผู้มีอำนาจ ปั่นหัวเด็กจนเกิดม๊อบ แต่ไม่คิดว่าแท้จริงแล้วประยุทธ์คือเงื่อนไขที่สำคัญที่ทำให้ม๊อบจุดติด
– ช่วงที่ม๊อบเกิดขึ้นใหม่ๆ ประยุทธ์พยายามจัดการกับม๊อบแต่ทุกครั้งที่จัดการผลของมันคือการเร่งปฏิกริยาและขยายกระแสให้แรงขึ้น การควบคุมของรัฐจึงกลายเป็นการเพิ่มกระแสลมเข้าม๊อบ ทำให้รัฐวางยุทธศาสตร์ตั้งรับ ปล่อยให้ม๊อบเคลื่อนไหวไปจนหมดแรงและแผ่วลง ควบคุมเพียงไม่ให้มีการเติมเงื่อนไขซึ่งจะกลายเป็นเชื้อเพลิงเข้าม๊อบ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงมองว่าม๊อบกำลังเดินทางเข้าสู่ช่วงม๊อบแผ่วแล้ว
– จากม๊อบมุ้งมิ้ง สู่ม๊อบตุ้งติ้ง ม๊อบเดินแฟชั่นที่สีลม Street Art และมาถึงม๊อบเฟสติเวลที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 14 พ.ย. นี้ ม๊อบกำลังเคลื่อนตัวด้วยการใช้ Pop Culture และทำให้ม๊อบเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมของผู้คนในช่วงเวลานี้ และกำลังจะกลายเป็นถนนคนเดินในที่สุด หากม๊อบกลายเป็นถนนคนเดินหรือทำให้ถนนคนเดินกลายเป็นม๊อบได้ ม๊อบจะกลายเป็นสภาพแวดล้อมที่กลื่นอยู่ในวิถีของสังคม และกำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งในมิติการเมือง การเรียนรู้ เศรษฐกิจและวัฒนธรรม คำว่า Mob Fest จะเกิดขึ้นในทุกจังหวัด กลุ่มศิลปิน นักออกแบบสินค้าการเมือง (เสื้อลายสวยๆ) การ Talk Show การเมืองวงเล็กๆ จะเป็นสีสันและกลืนไปกับสังคม หล่อเลี้ยงความมุ่งหมายและเจตจำนงเสรี รอการชุมนุมใหญ่ในแต่ละเดือน
ถึงที่สุดแล้ว การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเป็นวิวัฒนาการที่ล้วนใช้เวลาผ่านขึ้นตอนและเงื่อนไขในแต่ละช่วงของสังคม การสะสมกำลังและการรักษาเจตจำนงไว้ได้คือการปิดประตูแพ้ ส่วนรูปแบบและยุทธวิธีก็ว่ากันไปตามสถานการณ์ เป้าหมายมั่นคง ยุทธวิธียืดหยุ่น คำว่าม๊อบแผ่วคือไว้รายงานและปลอบใจผู้มีอำนาจเท่านั้นเอง