‘สตรี’ ปราศรัย ปม ‘ผ้าอนามัย’ สุดงง ถูกจัดหมวด ‘เครื่องสำอาง’ จี้ต้องเป็นสวัสดิการ

‘สตรี’ ปราศรัย ปม ‘ผ้าอนามัย’ สุดงง ถูกจัดหมวด ‘เครื่องสำอาง’ จี้ ต้องเป็นสวัสดิการ

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นจุดนัดหมายจัดกิจกรรม ‘ม็อบเฟสต์’ มีประชาชนเดินทางมาร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง

ต่อมาเวลา 21.53 น. ที่เวทีผู้หญิงปลดแอก บริเวณหน้าแมคโดนัลด์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

ตูน ตัวแทนผู้หญิงที่มีประจำเดือน 30 กว่าวัน กล่าวปราศรัย เรื่องผ้าอนามัย ว่า ผ้าอนามัยถูกจัดในหมวดเครื่องสำอางและแบบสอดเก็บภาษี 7 เปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ใช้ประจำ เราไม่ได้เอาผ้าอนามัยมาซับหน้า เป็นเรื่องธรรมชาติ เราเลือกไม่ได้ สินค้าผ้าอนามัยราคาสูงมาก 3 แพ็คต่อเดือน ประมาณ 200-300 บาท บางคนมีมากว่า 7 วัน เช่น ตูนเคยมี 31 วัน ตอนเรียนมัธยม ค่าใช้จ่ายสูงมากๆ เรามีเงินเดือน ต้องเสียค่าผ้าอนามัย รวมถึงยาแก้ปวดท้อง ไม่รวมค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากินอยู่ ค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย

มองไปถึงกลุ่มคนไร้บ้าน ไม่มีรายได้ เขาใช้เศษผ้า พันเป็นก้อนๆ และยัดเข้าไป ซึ่งจะเกิดการหมักหมม ติดเชื้อ หาหมอไม่ได้ เพราะไร้บ้าน ไม่มีรายได้ คือปัญญาที่อยู่มานาน แต่รัฐมองข้าม

Advertisement

ตูนกล่าวต่อว่า ในเรือนจำทั้งเดือน ใช้ 2 แผ่น บางเรือนจำให้ 3 แผ่น ซึ่งน้อยอยู่ดี สื่อถึงสิทธิมนุษยชน แม้นักโทษหญิงยังไม่มีสิทธิในเนื้อตัวร่างกายตัวเอง คือปัญหาใกล้ตัวที่เรามองข้าม ยกตัวอย่าง ประเทศที่แจกผ้าอนามัย เช่น เคนย่า และยังมีประเทศใกล้บ้านที่ไม่เก็บภาษีผ้าอนามัย ทำไมจะทำไม่ได้ 2:1 คือจำนวนประชากร ที่หญิงมีมากกว่าชาย เมื่อเทียบกับการมีอยู่ของถุงยางอนามัย

“เรามีวัน HIV วันเอดส์โลก แจกถุงยางอนามัยฟรี ยืดอกพกถุง ผู้ชายเดินถืออย่างภาคภูมิใจ แต่ไม่มี วันประจำเดือนโลก และผ้าอนามัยเป็นอะไรที่ต้องห้ามเห็น

รัฐได้เงินภาษีเราเยอะมาก ถ้ามีการลดภาษีส่วนนี้ลง หรือแจกฟรี รัฐจะได้รายได้น้อยลง ทำให้ตั้งคำถามว่า แล้วทำไมไม่ให้เซ็กส์ทอย ถูกกฎหมาย จะได้มีรายได้ และช่วยลดการข่มขืนด้วย รวมถึงการค้าประเวณี ที่ต้องถูกกฎหมาย ทำให้อัตราการข่มขืนน้อยลง มีที่ให้ผู้ชายไประบายความใคร่อย่างถูกที่ ไม่ใช่ทุกคนจะมีกำลังซื้อ เมื่อเทียบค่าครองชีพ” ตูนกล่าว และว่า

Advertisement

“ถ้าการเมืองดี เราจะมีเงินซื้อผ้าอนามัยได้อย่างเสรี”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีจัดให้ผ้านอนามัย อยู่ในหมวดหมู่เครื่องสำอาง นั้น ทางภก.สมชาย ปรีชาทวีกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เคยออกมาชี้แจง ว่า สาเหตุที่ต้องออกเป็นกฎกระทรวงกำหนดให้ผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นเครื่องสำอางโดยเฉพาะนั้น เนื่องจากเมื่อครั้งออก พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 มีการแก้ไขนิยามของคำว่า “เครื่องสำอาง” ใหม่ คือ วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ทา ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อบ หรือกระทำด้วยวิธีอื่นใดกับส่วนภายนอกของร่างกายมนุษย์ รวมตลอดทั้งเครื่องประทินต่างๆ สำหรับผิว แต่ไม่รวมเครื่องประดับและเครื่องแต่งตัว แต่ผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นการใช้ภายในร่างกายมนุษย์ จึงต้องมีการออกกฎกระทรวงเพื่อให้กลับมาครอบคลุมอีกครั้ง

ย้อนอ่านข่าวเกี่ยวข้อง อย.เผยสาเหตุนิยาม “ผ้าอนามัยชนิดสอด” เป็น “เครื่องสำอาง”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image