‘องอาจ’ ยังไม่วางใจร่าง รธน.ผ่านหรือไม่ ชี้ อาจมีอภินิหารเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ขอทุกฝ่ายร่วมกันคล้องแขนพาประเทศเดินไปข้างหน้า
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 17-18 พ.ย. นี้ว่า ตนได้เชิญ ส.ส.ของพรรคประชุมในวันที่ 16 พ.ย.เวลา 13.30 น. เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ร่าง โดย 6 ร่างแรกรัฐสภาได้มีการอภิปรายไปแล้ว จึงจะไม่มีการอภิปรายอีก ส่วนร่างไอลอว์ จะมีการอภิปรายแสดงความคิดเห็น หลังจากนั้นก็จะมีการลงมติว่าจะรับหรือไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใดบ้าง ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะเปิดโอกาสให้ ส.ส.แสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวางเพื่อพิจารณาให้รอบด้านมากที่สุด ส่วนการลงมติว่าจะรับร่างใดบ้างนั้น ที่ประชุม ส.ส.ได้เคยประชุมและมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันแล้ว ตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมาว่าจะรับร่างที่เสนอโดยพรรคร่วมรัฐบาล และร่างของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่มีหลักการใกล้เคียงกัน สำหรับร่างของไอลอว์คงต้องรอฟังความคิดเห็นของ ส.ส.ว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไร
นายองอาจกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีความวิตกกังวลว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจจะมีการลงมติไม่ให้ผ่านทั้งหมดนั้น ขณะนี้คงบอกไม่ได้ คงต้องรอจนถึงเวลาลงมติ อะไรก็อาจเกิดขึ้นได้ เพราะที่ผ่านมาก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ที่รัฐสภากำลังจะลงมติรับหรือไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่ดีๆ ก็มีการเสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาก่อนรับหลักการ มาถึงวันนี้กำลังนัดประชุมเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญกันต่อ ก็มี ส.ว.รวมกับ ส.ส.รัฐบาลส่วนหนึ่งเข้าชื่อเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ร่างของรัฐบาล ฝ่ายค้านและไอลอว์จะทำได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นการประชุมรัฐสภาวันที่ 17-18 พ.ย.นี้ จึงไม่มีใครให้หลักประกันได้ว่าจะมีการลงมติหรือไม่ และผลจะออกมาอย่างไร เพราะอาจมีอภินิหารทางการเมือง ทำให้เกิดเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนก็ได้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ถ้าไม่มีอภินิหารอะไร อย่างน้อยที่สุดร่างของรัฐบาลและฝ่ายค้านน่าจะผ่านไปได้ แต่ก็ขึ้นอยู่ว่าจะมีเสียง ส.ว. 84 เสียงลงมติให้ผ่านหรือไม่
“การแก้ไขรัฐธรรมนูญในขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งยังแผ่กระจายไปเกือบทุกหย่อมหญ้า จึงถือเป็นวาระสำคัญของบ้านเมือง ที่ทุกฝ่ายต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบก่อนตัดสินใจที่จะดำเนินการอะไร เพราะถ้าวางแผนพลาด หรือตัดสินใจผิด ก็อาจทำให้ประเทศติดหล่มจมปลักอยู่กับความขัดแย้งจนยากจะเยียวยา โดยเฉพาะสมาชิกรัฐสภาทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ต้องถือว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่สามารถช่วยกันใช้เวทีรัฐสภาหาทางออกให้ประเทศได้ จึงขึ้นอยู่กับสมาชิกทุกคนว่าจะช่วยกันหาทางออกให้ประเทศ หรือจะสร้างทางตันให้ประเทศ อยากฝากทุกฝ่ายให้คำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง โดยร่วมกันคล้องแขนนำพาประเทศไทยเดินหน้าต่อไปให้ได้ เพื่อลูกหลานของเราในอนาคต” นายองอาจกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ปชป.เตรียมลงพื้นที่สำรวจ ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ ‘ดร.เอ้’ ลั่น ถึงเวลาต้องแก้ปัญหาน้ำท่วมระยะยาว
- เพื่อไทย ยันทำตามที่หาเสียง แก้แน่ รัฐธรรมนูญ 60 ทั้งฉบับให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น
- โฆษก ปชป. ชี้แจก 1 หมื่น แค่กระตุ้นระยะสั้น แนะ รบ.ต้องกระตุ้นระยะยาวให้ ศก.ฟื้นตัว
- พรรคประชาชน ลุยยื่นแก้รธน.รายมาตรา ยกเลิกอำนาจป.ป.ช.ฟันจริยธรรมส.ส.