ชุมชนท้องถิ่นพัฒนาฯ แจงไม่เกี่ยว ‘หมอพลเดช’ ชี้ไม่เห็นด้วยข้อคิด เหตุไม่อยู่บนหลักปชต.

ชุมชนท้องถิ่นพัฒนาฯ แจง ‘หมอพลเดช’ ไม่เกี่ยวข้อง ชี้ไม่เห็นด้วยข้อคิด เหตุไม่อยู่บนหลักปชต.

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน จากกรณี นพ.พลเดช ปิ่นประทีป ส.ว. อดีตเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่องการสร้างการเมืองวิถีใหม่ หยุดยั้งความแตกแยก โดยเขียนถึง เครือข่ายชุมชนท้องถิ่นและภาคประชาสังคม โดยมีข้อความตอนหนึ่ง ระบุว่า “ในห้วงเวลาที่สังคมไทย และประเทศชาติกำลังยากลำบาก กลับมีนักการเมืองและพรรคการเมืองใหญ่บางส่วน ฉวยโอกาสอันเปราะบางมาใช้สร้างความปั่นป่วน วุ่นวาย มุ่งโค่นล้มรัฐบาลและแย่งชิงอำนาจกัน ใช้เฟคนิวส์ ให้ร้าย สร้างความเกลีดยชัง หลอกลวงเด็กและเยาวชน จึงเป็นหน้าที่ ที่ต้อง หยุดยั้ง ต้านทาน ตอบโต้ โดยทันที

นอกจากนี้ ยังระบุว่า วัยรุ่นเป็นช่วงชีวิตที่ร่างกายและจิตใจกำลังมีพัฒนาการและเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว อยากรู้อยากเห็น ติดยา ท้องก่อนวัย เสียอนาคตกันไปมากมาย ในยุคนี้เด็กๆยังเข้าถึงโซเชียล โดยไม่มีหน่วยงานและกฎหมายใดสามารถควบคุมได้ จึงให้ผู้ปกครองช่วยระมัดระวัง

ทั้งนี้ สถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา – LDI ได้ออกมาโพสต์ชี้แจง ในเฟซบุ๊กว่า
“คำแถลงของคุณหมอพลเดช ปิ่นประทีป สว. และอดีตประธานและเลขาธิการมูลนิธิชุมชนท้องถิ่นพัฒนาต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้
สถาบันฯ ซึ่งเป็นองค์กรปฎิบัติการของมูลนิธิฯ ขอชี้แจงว่า
1.คุณหมอพลเดชไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับสถาบันและมูลนิธิฯ มาตั้งแต่ปีที่แล้ว
2.สถาบันฯ ไม่เห็นด้วยกับถ้อยแถลงดังกล่าว เพราะ
– เป็นหลักคิดที่ไม่อยู่บนหลักประชาธิปไตย ทั้งหลักสิทธิ เสรีภาพ ความเป็นธรรมและภราดรภาพของสังคม
-ขาดความเข้าใจต่อปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบผูกขาดอำนาจ ขาดธรรมาภิบาล นิติรัฐแและนิติธรรมของรัฐราชการ ที่ละเมิดสิทธิชุมชนและประชาชน จนเกิดความเหลื่อมล้ำความไม่เป็นธรรมและความรุนแรงเชิงโครงสร้าง หาใช่การถูกปลุกปั่นจากนักการเมืองพรรคการเมืองอย่างไม่มีสาเหตุ
-ขาดความเข้าใจในข้อเท็จจริงและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างเท่าทันจึงทำให้ตกอยู่ในมายาคติของเฟคนิวส์ และสร้าง hate-speed และการบิดเบือนเสียเอง
-ไม่อยู่บนพื้นฐานของสันติวิธี การเคารพความแตกต่างหลากหลาย และการเห็นคุณค่าของพลเมืองคนรุ่นใหม่ แต่มองคนรุ่นใหม่ไปในทางเสพติด บ้าคลั่ง อาละวาด และเรียกร้องให้มีการตอบโต้ในทุกวิถีทาง มากกว่าจะมุ่งทำความเข้าใจเรียนรู้ และสานพลังสังคม
3.สถาบันฯ ไม่เห็นด้วยกับการกระทำใดๆไม่ว่าจะฝ่ายรัฐหรือมวลชนฝ่ายไหนที่ใช้ความรุนแรงทั้งทางกาย วาจา โดยไม่เคารพถึงคุณค่า ความศรัทธาของผู้คนที่แตกต่างมีแต่การเสริมอำนาจแก่ชุมชนท้องถิ่นและประชาชน การปรับรื้อโครงสร้างอำนาจรัฐ ทุนที่ผูกขาด การสร้างการเรียนรู้ทางปัญญาบนความเท่าเทียม ความแตกต่างหลากหลาย และความถ่อมตน โดยสันติวิธีและอิสรภาพของทุกๆฝ่าย จึงจะเปลี่ยนแปลงสังคมสู่ความดีงาม ยั่งยืน และเป็นธรรมได้

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image