09.00 INDEX คำถาม แห่งยุคสมัย ผบ.ทบ. คำถาม แนวโน้ม รัฐประหาร
หากยึดตามสถานการณ์เมื่อเดือนกันยายน 2549 หากยึดตามสถานการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 สถานการณ์อันปะทุขึ้น ณ บริเวณ หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม
ความเชื่อมั่นที่ว่าจะต้องเกิด”รัฐประหาร”ขึ้นอย่างแน่นอนก็จะกลายเป็น”แนวโน้ม”ใหม่ของสังคมการเมืองไทย
เนื่องจากรูปการอันเกิดขึ้นเข้ารูปแห่งการเป็นข้ออ้างไม่ว่าจะจากปากของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคมช. ไม่ว่าจะจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.ครบถ้วน
นั่นก็คือ เกิดการปะทะระหว่างมวลชน 2 ฝ่ายอันอาจจะบานปลายกลายเป็นมิคสัญญีในทางการเมือง จึงมีความจำเป็นที่กองทัพ จักต้องยกพยุหโยธาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งนั้น
สายตาทุกสายตาจึงทอดมองไปยัง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก โดยพร้อมเพรียงกัน แม้ว่าจะนิ่งเงียบอยู่ ณ ที่ตั้งมาโดยตลอดก็ตาม
เนื่องจากเป็นความนิ่งเงียบ บนพื้นฐานแห่งความเชื่อที่สวนทางกับความรู้สึกของสังคมอย่างสิ้นเชิง
นับแต่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกเมื่อเดือนตุลาคม 2563 เป็นต้นมา คำถามที่ได้รับอย่างต่อเนื่องคือแนวโน้มของการรัฐประหาร
โดยเฉพาะสถานการณ์ของ ”เยาวชนปลดแอก” ซึ่งปะทุขึ้นในเดือนกรกฎาคมและต่อเนื่องมายังเดือนตุลาคม
“รัฐประหารเป็น 0” นั่นเป็นคำตอบแรก
และเมื่อถูกเร่งเร้าด้วยคำถามเดียวกันจากกระแสในทางสังคม อันถ่ายทอดผ่านปากผู้สื่อข่าว คำตอบล่าสุดจาปากของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ก็คือ
“รัฐประหารติดลบ” ความหมายย่อมหมายความว่าเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่อย่างต่ำกว่า 0 อีก นั่นหมายความเท่ากับว่าเป็นการชัตดาวน์รัฐประหารอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน คำถามนี้ย่อมดังกึกก้องขึ้นโดยรอบ
พร้อมกับคำถามถึงความสุกงอมและโอกาสที่”รัฐประหาร”จักต้องเกิดขึ้นตามวิถีของการเมืองแบบไทย-ไทย คำถามอันตามมาอย่างอัตโนมัติก็คือ
หากทำ”รัฐประหาร” ทหารจะทำรัฐประหารให้กับ “ใคร”
ในเมื่อรัฐบาลปัจจุบันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เป็นรัฐบาลอันสืบทอดอำนาจมาจาก”รัฐประหาร”
