เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 22 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมบนถนนอักษะ ว่า บนเวทีปราศรัยยังคงคึกคักโดยกลุ่ม ‘แร็พคลองเตย’ ขึ้นแสดง โดยขับร้องเพลงแร็พเสียดสีการเมือง
จากนั้น นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เนตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ ไอลอว์ ขึ้นปราศรัยว่า วันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนเสนอในรัฐสภา นี่คือสิ่งที่เราทำเพื่อข้อเรียกร้องข้อที่ 2 คือให้สภารับหลักกการแก้รัฐธรรมนูญที่เสนอโดยประชาชน ตนขอคารวะทุกคนที่สู้ด้วยหัวใจแม้มีแก๊สน้ำตาก็สู้ไม่ถอย ขออภัยที่ไม่ได้ไปอยู่ข้างหน้าด้วย แต่พยายามทำหน้าที่ในสภา เราต้องการทวงคืนการเมืองปกติคืน แม้สุดท้ายสภาโหวตไม่รับ แต่ขอให้ทุกคนภูมิใจ ว่ากระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียง 3 เดือนตั้งแต่รวบรวมรายชื่อ นี่คือประวัติศาสตร์ สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เพราะทุกคน ตนเป็นเพียวตัวกลางอำนวยความสะดวกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตนไม่แปลกใจกับผลการไม่รับ วันนั้นตนถภูมิในที่ได้ยืนในสภา ต่อหน้าคนที่ชอบ และไม่ชอบหน้า พอคิดอีกทีรู้สึกว่าเป็นสภาที่พิกลพิการและประหลาด มีความรู้สึกต่างจากการยืนบนถารกับประชาชน
นายยิ่งชีพ กล่าวอีกว่า แม้สภามีมติไม่รับ แต่ตนมองว่า พวกเราชนะแล้ว ด้วย 3 เหตุผล ได้แก่ 1.เราเสนอว่าต้องการทวงคืนการเมืองปกติ ยกเลิก ส.ว. ยกเลิกน่ยกคนนอก ยกเลิกนิรโทษกรรมผู้ทำรัฐประหาร เปิดทางเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งไม่มีใครให้เหตุผลที่เป็นเหตุเป็นผลในการถูกปฏิเสธได้ แต่บอกว่า เป็นสิ่งที่ดี จะรับไว้พิจารณา ดังนั้น อย่างน้อยเราทำให้พวกเขาพูดไม่ออก 2.ผลโหวต คนรับมี 212 เสียง ไม่รับ 136 เสียง ซึ่งหากกติกาไม่บิดเบี้ยว เราชนะ แต่มีกติกาที่ระบุว่าต้องมีสว. อย่างน้อย 82 เสียงโหวตรับ ส่วนอีก 300 กว่าคนงดออกเสียง ซึ่งแปลว่า อยากรับ แต่รับไม่ได้ เพราะกลัวอำนาจ แต่ถ้าจะโหวตไม่รับก็อายประชาชน กลัวถูกด่า เลยงดออกเสียง และ 3.มี 2 พรรคใหญ่ ได้แก่ ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทยลุกขึ้นมาบอกว่า หลักการดี แต่ไม่เห็นด้วยเรื่องที่ให้แก้ได้ทุกมาตรา เพราะเหมือนเป็นการตีเช็คเปล่า ตนกุมหัว ว่าต้องชี้แจงหรือไม่ และมองว่า เป็นการตีเช็คเปล่าจริง คือ ตีเช็คเปล่าคืนอำนาจประชาชน สิ่งเหล่านี้ทำให้รู้ว่า คนเหล่านี้กลัวประชาชนแค่ไหน
