“มายด์” ไม่กังวล รบ.นำม.112 มาใช้ ยืนยัน 3 ข้อเรียกร้อง
เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน ที่หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ น้องมายด์ ให้สัมภาษณ์ว่า จุดประสงค์ในการทำกิจกรรมเรื่องการทวงถามทรัพย์สิน วันนี้สิ่งที่เราต้องทำอย่างเต็มที่คือการพูดคุยให้ได้มากที่สุด
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่หากรัฐบาลนำ ม.112 มาใช้อีก นส.ภัสราวลี กล่าวว่า ยืนยันคำเดิมว่าไม่กังวล ตนคิดว่าในตอนนี้การชุมนุมสามารถกดดันรัฐบาลได้ แต่มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับผลลัพท์ในแต่ละครั้ง แต่เชื่อว่าจากนี้ไม่ว่าจะมีการชุมนุมครั้งใดเกิดขึ้นหรือรูปแบบใด มันจะสามารถสั่นคลอนความมั่นคงของรัฐบาลได้ เพราะการชุมนุมแต่ละครั้งหลังจากนี้เกิดขึ้นจากใจความรู้สึกเบื้องลึกของประชาชนที่ทนไม่ไหวจริงๆ ฉะนั้นจากนี้รัฐบาลต้องรับให้ดีๆ อย่าทำอะไรผิดพลาดที่จะทำให้อุณหภูมิทางการเมืองเพิ่มสูงขึ้นจนเกินความจําเป็น
นส.ภัสราวลี กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามเรายังคงกดดันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็น 1 ใน 3 ข้อเรียกร้องของเรา โดยเรายังคงยึดถือแนวทางโรดแม็พหรือลำดับตามเดิมคือ 1. พลเอกประยุทธ์จันทร์ โอชา นายกรัฐมนตรีจะต้องลาออกก่อน เพราะว่าเราไม่เชื่อใจให้พลเอกประยุทธ์ ทำหน้าที่ในการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2. รัฐบาลต้องเริ่มกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยึดโยงกับประชาชนอย่างแท้จริง รัฐธรรมนูญฉบับ 60 นี้ไม่ตอบโจทย์ประชาชน ที่มาก็ไม่ได้มาจากประชาชน ส่วนร่างของไอลอว์ ซึ่งเป็นภาคประชาชนนั้น แม้จะถูกปัดตกไป ตนยืนยันว่าประชาชนจะไม่หยุดแค่นี้แน่นอน เพราะเรายืนยันในความปรารถนาอย่างแรงกล้าว่าเราอยากจะได้เครื่องมือคิดใหม่ในการบริหารประเทศนั่นคือรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เท่านั้น และ 3. ต้องมีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
เมื่อถามว่าหากเกิดการรัฐประหารขึ้นจริงๆเราจะรับมือหรือมองว่าควรจะจัดการสถานการณ์อย่างไร นส.ภัสราวลี กล่าวว่า ตนจะเป็นคนหนึ่งที่ไม่ยอมแน่นอน เพราะทุกคนรู้ทั่วหมดแล้วว่าการรัฐประหารส่งผลต่อประเทศไทยอย่างไรบ้าง ทิ้งความยากลำบากอะไรไว้ให้กับประชาชนบ้างในสภาพสังคมแบบนี้ หากจะมีใครกล้าใช้กำลังในการยึดอำนาจ ประชาชนก็คงออกมาปกป้องและรักษาไว้ซึ่งอำนาจอธิปไตยของตัวเอง คงไม่มีใครปล่อยให้อำนาจของตัวเองถูกช่วงชิงอย่างปี 57 อีกแล้ว เราคงไม่เสียเวลากับการปล่อยให้กลุ่มคนในกลุ่มคนหนึ่งเข้ามาใช้งบประมาณโดยเสียเวลาเป็น 10 ปี โดยที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรอีกแล้ว
