‘แอมมี่’ ขับกล่อมราษฎร รับไม่สบายใจเพื่อนโดน 112 ‘ไมค์’ ขอให้จดจำคนถูกฟ้องในฐานะนักสู้

‘แอมมี่’ ขับกล่อมราษฎร ‘ไมค์’ ลั่น ถ้าบริหารดีประกันสังคมต้องมีจ่าย ขอทุกสี ‘เดินหน้าไปด้วยกัน’ เพื่อท้องที่ ‘อิ่ม’ กว่านี้

สืบเนื่องจากกรณีที่กลุ่ม “ราษฎร” ประกาศนัดหมายรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในเวลา 15.00 น. ก่อนเดินเท้าไปยังสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยระบุว่า เพื่อทวงคืนทรัพย์สินที่ควรจะเป็นของราษฎรทุกคน ก่อนจะประกาศย้ายจุดนัดหมายไปยังธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) สำนักงานใหญ่ ในภายหลังนั้น

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ สาขารัชโยธิน ถนนรัชดาภิเษก เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

เวลา 19.04 น. นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอททอมบลูส์ ขึ้นแสดงดนตรี เพลง 12345 I love you โดยมวลชนร่วมกันชูแฟลช โยกตามจังหวะ

วันนี้มีคดีเพิ่ม มาตรา 112 ไม่สบายใจที่เพื่อนโดน แต่มีคำหนึ่งที่เพนกวินบอก คือ ยอมสละอิสรภาพเพื่อรักษาไว้ซึ่งอุดมการณ์ และการพลีชีพในที่นี้ คือพลีทั้งชีวิต วิชาชีพพี่ต้องสูญเสีย พลีสวัสดิภาพ ความปลอดภัยที่มีในชีวิต รวมถึงพลีความสะดวกสบายส่วยตัว เพื่อคนอื่น และรู้สึกว่าตัวเองเป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมต่อสู้กับทุกคน ขอเสียงปรบมือให้แกนนำทุกคน

Advertisement

จากนั้น 19.09 น. นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ กล่าวปราศรัยถึงมาตรา 112 และว่า ตอนนี้เราได้ใช้ภาษีแค่ 40 เปอร์เซ็นต์ในการพัฒนาประเทศ คือประเทศที่เหลื่อมล้ำมากที่สุดในโลก มองข้ามประชาชนที่หลังขดหลังแข็ง ถ้าใช้ภาษีในการเพิ่มค่าแรงให้คนงาน ประเทศไทยก็ไม่ต่างอะไรกับสิงคโปร์ จากเป็นที่ 1 ของอาเซียน ตอนนี้ตกลงไปอยู่สุดท้ายแล้ว อยากถามประยุทธ์ การใช้ภาษีของคุณดีจริงหรือถ้าไทยบริหารภาษีดี ประกับสังคมต้องมีจ่ายพี่น้องที่ตกงานกว่า 300,000 คน

“เวลาเก็บ เก็บเรา 100 เปอร์เซ็นต์ เวลาทวง ทวงจนปากเปียก ที่พูดไม่ใช่เรื่องโกหก แต่ดัดจริต รับความจริงไม่ได้ ไหนๆ ก็พูดแล้ว บอกเลยว่า ถ้าประเทศดีจริง ราชฑัณฑ์จะมีอาหารที่ดีกับนักโทษ และจะไม่ติดหนี้ค่าอาหารด้วย ความจริงไม่อยากพูด แต่ต้องพูดความจริงให้ทุกคนได้ตาสว่าง ถามว่าเข้าคุกจะเอาอะไรนักหนา แต่คุกเมืองนอกดีกว่านี้ ไม่ว่าอยู่ในสถานะอะไร ความเท่าเทียมความเป็นคนต้องเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า”

โดยระหว่างนี้ มวลชนส่งเสียงโห่ให้กับสื่อมวลชน สำนักหนึ่งที่ กำลังรายงานข่าวการชุมนุม

Advertisement

นายภาณุพงศ์กล่าวต่อว่า ที่เราย้ายที่ไม่ใช่กลัวอำนาจอยุติธรรม แต่เรารักในมวลชนที่อยู่เคียงข้าง เราไม่อยากให้เกิดเงื่อนไขการรัฐประหาร และยืนยันในจุดยืนว่า เราทุกคนต่อสู้ด้วยสมอง สติ ด้วยสันติวิธี วันนี้เราไม่มีเจ้าหน้าที่ ที่มีรถจีโน่ แบกปืนยิงแก๊สน้ำตา เห็นไหมว่า ไม่เกิดความวุ่นวายในราษฎรเลย แต่เมื่อใดที่เจ้าหน้าที่ของรัฐเสนอหน้าเข้ามา เมื่อนั้นจะเกิดความรุนแรงกับประชาชนตลอดเวลา แสดงว่า เจ้าหน้าที่รัฐพยายามสร้างเงื่อนไขให้เกิดรัฐประหาร อีกสิ่งที่สำคัญ คณะรัฐประหาร คิดให้ดีๆ ถ้าต้องเป็นกบฎ ยอมหรือไม่

“อีกประการ เกี่ยวกับ มาตรา 112 ถ้าได้ฟังนายกออกมาแถลงการณ์ล่าสุด ห้อยท้ายไว้ว่า จะใช้ทุกมาตรา แต่จะใช้หลักสากล สากลบ้านไหนมี มาตรา 112 ฝากถามเจ้าหน้าที่รัฐด้วยว่า สากลมีมาตรา 112 หรือไม่ ใช้เพราะทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว

มีคนบอกว่า ที่ราษฎรยังชุมนุมอยู่ เพราะหาทางลงไม่ได้ ใช่หรือไม่ คนที่ควรถามคือประยุทธ์ คุณลงไม่ได้ เพราะอะไร การพูดตรงไปตรงมา คือความจริงใจ แต่พูดจนปากถึงรูหู สลิ่มไม่เคยฟัง รักได้ แต่รักแบบปิดหูปิดตาจะทำให้ประเทศถอยหลัง ถ้าเราปรับปรุงให้ดีขึ้น เมื่อนั้นเราจะเห็นไทยทัดเทียมนานาอารยประเทศอื่นๆ คนที่บอกว่าเป็นกลาง ก็ขอให้ท่านรู้ไว้ว่าท่านไม่ได้เป็นกลาง แต่ท่านเห็นแก่ตัว เพราะฝ่ายไหนชนะ ท่านก็เลือกฝ่ายนั้น ไม่ว่าเสื้อสีไหน ฝ่ายไหน ใครก็ตาม เดินหน้าไปด้วยกันดีกว่า เดินหน้าในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศให้ดีขึ้น แล้วประชาชนทุกคนจะอิ่มกว่านี้”

นายภาณุพงศ์กล่าวว่า ที่สำคัญ ถ้าประเทศไทยเจริญ ให้ภาษีกับประชาชน ประเทศนี้จะไม่มีรายการของคุณปัญญา สุดท้าย อยากให้ประชาชนมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน หยุดทำให้ประชาชนเป็นขอทาน ต้องแบมืออย่างเดียว สิ่งที่ควรทำ คือทำให้ประชาชนสามารถดูแลตัวเองได้ โดยการเพิ่มเงินเดือน หางาน หาอาชีพให้พวกเขาทำ ให้เหมาะกับที่ที่เขาอยู่ คือการพัฒนาของผู้นำที่มีสมอง สำหรับสตาร์ตอัพ ขอฝากว่า เป็นสตาร์ตอัพในไทย มีแต่ตนกับจน เพราะผูกขาดอำนาจ อาชีวะสร้างโรบอต การแพทย์ เกี่ยวกับการกู้ภัย แต่ไม่เคยนำมาสู่กระบวนการในอุตสาหกรรมเลย เพราะผูกขาดกับนายทุนไปหมด สิ่งเหล่านี้ ถ้ารัฐบาลทำไม่ได้ ก็ลาออก

“ผมยังมองเห็นอีกว่า การที่ยังมีคนไร้บ้านอยู่ เคยเก็บข้อมูล สิ่งที่เขาบอก ไม่ได้ต้องการ 5,000 บาท บัตร บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ คนละครึ่ง แต่ต้องการอาชีพ ที่ประยุทธ์ทำไม่ได้ ประยุทธ์ดูถูกคนจน ด้วยการแจกเงินจากภาษีของเรา พี่น้องอย่าดีใจ แจกเงิน เป็นโครงการปาหี่ที่ดูถูกความเป็น ดูถูกความสามารถของพวกเรา ได้ก็ไม่ได้ทุกคน แต่สิ่งที่ต้องได้ทุกคน คือใช้หนี้ที่รัฐกู้มา คือสิ่งสำคัญที่ก่อเกิดขึ้น ว่าภาษีต่างๆ ที่ควรเป็นของราษฎร ต้องเป็นของราษฎรอย่างแท้จริง

“ถ้าประเทศเราดี จะเห็นประชาชนมีรายได้ที่มั่นคง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มากกว่า ทุกวันนี้ไม่แปลกใจที่ทุกคนต้องแย่งกันขึ้นรถเมล์ เหยียบเลนซ้าย เลนขวา เพราะภาษีถูกใช้อย่างไม่คุ้มค่าตลอดเวลา สิ่งที่ตอกย้ำอีกอย่าง ตลาดขายของไม่ได้ แต่ร้านสะดวกซื้อขายได้ตลอดเวลา คือสิ่งร้ายแรงที่รัฐบาลนี้กัดกินภาษีของประชาชน ถ้าเกิดอะไรขึ้น อย่าส่งเสริมนายทุนประเทศนี้อีก”

“หลายคนถามความรู้สึก ถึงการดำเนินคดี มาตรา 112 ส่วนตัวมองว่า คือเกียรติยศที่ดีที่สุดของนักสู้ แม้จะเข้าไปในเรือนจำ ขอให้ทุกคนจำไว้ว่า ผมคือนักสู้ ไม่ใช่นักโทษ และสิ่งที่ได้รับในการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ใช่เงินทอง ตำแหน่ง แต่คือความรัก ความห่วงใยของพี่น้องที่ยืนอยู่ตรงนี้ ไม่รู้จะหาจากที่ไหนได้อีก ถ้าไม่สู้กับทุกคน บอกกับการ์ดว่า ขอไปอยู่แนวหน้าได้หรือไม่ ปราศรัยไม่เก่ง เพราะชอบทำมากกว่าพูด ทุกวันนี้มาพูดบนเวที แต่ทีมงานที่ระยองยังช่วยกันพัฒนาระยองอยู่ ไม่ได้เงียบหายไปไหน ขอบคุณทุกท่าน ที่มอบความรักความห่วงใย ตลอดมา สิ่งต่างๆ เหล่านี้ คือสิ่งที่ดีที่สุดในการต่อสู้ คือกำลังใจจากทุกคน” นายภาณุพงศ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image