นพ.ทศพร ทวิตเดือด ตั้งแต่เจอคนถูกยิง จนพาตัวส่ง รพ. ไม่เห็นตำรวจแม้แต่คนเดียว
เมื่อวันที่ 26 พ.ย. นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ทวิตข้อความแสดงความเห็น กรณี เหตุปาระเบิดและใช้อาวุธปืนยิงใส่การ์ดผู้ชุมนุมราษฎร บริเวณหน้าร้านแมคโดนัลด์ ดิ อเวนิว รัชโยธิน ตรงข้าม SCB สำนักงานใหญ่ หลังยุติการชุมนุมได้ไม่นาน เหตุเกิดเมื่อคืนวาน (25พ.ย.) ที่ผ่านมาว่า
“บึ้ม เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ผมรีบวิ่งไปที่จุดเกิดเหตุ ตั้งแต่เจอน้องถูกยิงนอนอยู่ จนพาน้องไปส่งโรงพยาบาล ไม่เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเลยแม้แต่คนเดียว ตำรวจต้องเปลี่ยนวิธีคิดจากการไปคอยสลายการชุมนุมเป็นการไปคอยปกป้องคุ้มครองประชาชนทุกคน หยุดความรุนแรง”
วันเดียวกัน นพ.ทศพร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงกรณีดังกล่าว ระบุว่า ไม่ทราบรายละเอียดเหตุการณ์มากนัก เพราะช่วงเกิดเหตุยืนอยู่ที่จุดพยาบาลหัวมุมถนน กระทั่งได้ยินเสียงคล้ายระเบิด และเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดบริเวณดังกล่าว จึงรีบมาดู พบผู้บาดเจ็บมีบาดแผลถูกยิงที่ท้อง จึงรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนเร่งนำตัวส่งยังโรงพยาบาลใกล้เคียง
อาการล่าสุด แม้จะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ก็ยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องการติดเชื้อ ซึ่งต้องระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากบาดแผลถูกยิงเข้าที่ท้องกระสุนทะลุลำไส้ ทำให้มีอุจจาระรั่วไหลทั่วท้อง แม้ว่าแพทย์จะล้างออกไปแล้ว แต่อาจจะยังมีเชื้อโรคปะปนบางส่วนอยู่
นพ.ทศพรกล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจควรเข้ามาช่วยดูแลความปลอดภัยให้กลุ่มผู้ชุมนุมอย่างเท่าเทียม เพราะหน้าที่ตำรวจคือ การดูแลรักษาความปลอดภัยประชาชน ไม่ใช่ดูแลรักษาสถานที่ หรือสนใจแต่การออกหมายจับ ออกหมายเรียกผู้ชุมนุม ตั้งรั้วกั้นมวลชน
ที่ผ่านมา มีแต่ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบแฝงตัวเข้ามาเก็บข้อมูลเพื่อดำเนินคดี และเชื่อว่า หากมีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลความปลอดภัยในม็อบ ผู้ชุมนุมก็ไม่น่าจะมีปัญหา เรื่องแบบนี้สามารถพูดคุยทำความเข้าใจกันได้ อีกทั้งตำรวจที่มาดูแลม็อบส่วนใหญ่เป็นตำรวจชั้นผู้น้อยที่รักประชาชน คนที่มาร่วมชุมนุมก็ลูกหลานพวกเขาทั้งนั้น อยู่ที่ผู้บังคับบัญชามากกว่า เพราะตำรวจชั้นผู้น้อยเหล่านี้ต้องทำตามหน้าที่
ฉะนั้น ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก็ควรพิจารณาด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะที่ในส่วนของผู้ชุมนุมเองก็ควรจะมีวินัยให้มากขึ้น เมื่อมีการประกาศยุติชุมนุมก็ควรรีบเดินทางกลับ เพื่อความปลอดภัย ส่วนทีมพยาบาลของกลุ่มผู้ชุมนุม หลังจากนี้ อาจต้องอยู่เฝ้าพื้นที่ให้นานขึ้นกว่าเดิม แม้ปกติจะอยู่จนถึงช่วงเลิกกิจกรรมชุมนุมแล้วก็ตาม
“การที่ตำรวจออกมาระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการทะเลาะกันเอง อยากบอกว่า ควรตรวจสอบรายละเอียดคดี พยานต่างๆ ให้ละเอียดรอบคอบกว่านี้ก่อนจะดีกว่า ไม่ควรรีบสรุปเพื่อมุ่งแต่จะทำลายความน่าเชื่อถือของผู้ชุมนุม พอเรื่องแบบนี้กลับดำเนินการเร็ว ทำไมตอนเกิดเหตุกลับไม่เข้ามาตรวจสอบ” นพ.ทศพรกล่าวปิดท้าย
