09.00 INDEX มองผ่าน เส้นทางรัฐธรรมนูญ มองผ่านกรรมการ สมานฉันท์
ไม่ว่าเรื่องของ”รัฐธรรมนูญ” ไม่ว่าเรื่องของคณะกรรมการ “สมานฉันท์” หากมองระยะสั้นเหมือนกับเป็นชัยชนะ แต่หากมองในระยะยาวก็ไม่แน่ว่าจะดำรงสถานะแห่งชัยชนะได้เสมอไป
เพราะทั้งหมดนี้เสมอเป็นเพียงเรื่องของ “ยุทธวิธี” และโดยตัวของยุทธวิธีนั้นเองที่เปิดโปงให้เห็นถึง “ยุทธศาสตร์”
ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าเรื่องของ “รัฐธรรมนูญ” ไม่ว่าเรื่องของคณะ กรรมการ “สมานฉันท์” ล้วนมีจุดเริ่มมาจากการขับเคลื่อนของพรรค ประชาธิปัตย์
ขอให้ย้อนกลับไปยังสถานการณ์เมื่อเดือนมิถุนายน 2562 ก่อน พรรคประชาธิปัตย์มีมติจะร่วมรัฐบาล เรื่องของ “รัฐธรรมนูญ” คือ 1 ในเงื่อนไขที่เสนอเข้าไป
จากเดือนมิถุนายน 2562 มายังเดือนมิถุนายน 2563 ก็ไม่มีอะไรเป็นมรรคเป็นผลนอกจากคณะกรรมาธิการศึกษา ต่อเมื่อเกิด
“เยาวชนปลดแอก” ในเดือนกรกฎาคมนั้นหรอกจึงได้เดินหน้า
แต่ก็เป็นการเดินหน้าอันพ่วงมาด้วยคณะกรรมการ “สมานฉันท์”ในเดือนพฤศจิกายน
ณ วันนี้ เรื่องของ “รัฐธรรมนูญ” ก็มีความแจ่มชัดในเมื่อ นายวิรัช รัตน เศรษฐ ดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการโดยมี นายไพบูลย์ นิติฉายา เป็นรองประธาน
หลักการก็คือ จะยังคงสถานะแห่ง 250 ส.ว.ให้สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้เหมือนเดิม
ณ วันนี้ เรื่องของคณะกรรมการ “สมานฉันท์” ก็มีความแจ่มชัดว่าที่ทำท่าทำทางว่าจะหารืออดีตนายกรัฐมนตรีอย่าง นายอานันท์ ปันยารชุน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็เสมือนกับเป็นน้ำยาบ้วนปาก
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในทางเป็นจริงนอกจากการสุมหัวกันในหมู่รัฐ บาลและสมาชิกวุฒิสภา ในเมื่อมีคำปฏิเสธทั้งจากพรรคฝ่ายค้านและจาก “เยาวชนปลดแอก”
ความเป็นจริงภายใต้ข้อเสนอก็เสมอเป็นเพียง “ซื้อเวลา”
ไม่ว่าจะมองผ่านกระบวนการแก้ “รัฐธรรมนูญ”ไม่ว่าจะมองผ่านกระบวนการคณะกรรมการ “สมานฉันท์”
จากเดือนมิถุนายน 2562 มายังเดือนพฤศจิกายน 2563 ความเป็น จริงอันเป็นพื้นฐานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายหลัง การเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 มีความเด่นชัด
เสียงร้องตะโกน “ออกไป ออกไป” จึงดังอย่างไม่ขาดสาย
เพียงแต่พรรคประชาธิปัตย์ “ฟัง” แล้วจะ “ได้ยิน” หรือไม่เท่านั้น