‘กานต์ นิธิ’ปลุกราษฎร ตื่นมองความจริง ชี้ชุมนุมมาบรรยากาศปฏิวัติยังไม่เกิด ฝากอย่าทิ้งสลิ่มไว้ข้างหลัง

‘กานต์ นิธิ’ ปลุกราษฎร ตื่น มองความจริง ชี้ ‘บรรยากาศปฏิวัติ’ ยังไม่เกิด ฝาก ‘ทำการบ้าน’ ขอ อย่าทิ้งสลิ่มไว้ข้างหลัง

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ การจัดกิจกรรม “เผด็จการจงพินาศ ก้าบ ก้าบจงเจริญ” โดย เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี นำโดย นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบร์ท ซึ่งได้พ่นสเปรย์ฝากข้อความถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี บริเวณป้ายของศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี มีใจความว่า “เป็นผู้ว่าอย่า 2 มาตรฐาน” จากนั้น มวลชนตั้งขบวนทัพเป็ดก่อนจะเคลื่อนพลไปยังแยกแคราย ในเวลา 17.15 น. โดยมีการตะโกน I here too เป็นระยะ นั้น

เวลา 19.35 น. นายนิธิ ลิ้มเจริญ หรือ กานต์ แกนนำคณะประชาชนปลดแอก กล่าวปราศรัยว่า ไม่เคยมา จ.นนทบุรี จากลาดกระบัง มาที่นี่ ค่ารถไฟฟ้าปาไปแล้ว 80 บาท ทั้งที่ควรถูกกว่านี้ สำหรับคนรากหญ้า ได้ 300 บาท ถ้าขึ้นรถไฟฟ้ามาทำงาน ต้องจ่าย 1 ใน 4 ของรายได้ แต่เขาไม่มีทางขึ้นได้ เขาขึ้นรถเมล์ ซ้ำร้ายรถเมล์ปิดไปหลายบริษัท ทั้งที่รัฐควรไปหนุนผู้ให้บริหาร ผลตกที่ประชาชนคนรากหญ้า เราเข้าใจคนรากหญ้าได้ แต่ไม่มีสิทธิรู้เลยว่า เขารู้สึกอย่างไร เรายังหวังอยู่หรือไม่ที่จะชนะ แล้วคิดว่าเส้นชัยนี้เราจะใช้เวลากี่ปี อยากให้ทุกคนลืมตา และออกจากถ้ำ ที่สะท้อนว่า ทุกอย่างจะจบในรุ่นเรา หรือ จบในม้วนเดียว อยากให้ลืมตามองรอบตัวว่าเกิดอะไรขึ้น นี่หรือคือบรรยากาศของการปฏิวัติ เรามักบอกว่า ต้องการล้มผู้มีอำนาจ ขอให้ลืมตาออกจากทวิตเตอร์ เราชุมนุมที่นี่ แต่ทำไมคนยังผ่านไปผ่านมา ทุกอย่างยังเหมือนปกติ เสมือนไม่มีการชุมนุมมาก่อน เราเรียกร้องปฏิวัติ แต่เรายังไม่เห็น เอาแค่นิยมชมชอบในสื่อช่องทางต่างๆ ว่ามีผู้ชุมนุมเข้าร่วมเยอะขึ้น แต่ไม่ได้มองว่า เกิดอะไรบ้างเมื่อเดินออกจากที่ชุมนุม 500 เมตร ชาวบ้านรับทราบบรรยากาศการปฏิวัติหรือไม่ หรือเพราะท้องเขาไม่อิ่มจนไม่มีเวลามานั่งฟังเราพูด

ก่อนหน้านี้ไม่มีใครเชื่อเลยว่า จะได้แก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 แต่ร่างที่ผ่าน คือร่างของรัฐบาล และเพื่อไทย ร่างไอลอว์ไม่ได้ผ่าน แต่อย่างน้อยอุ่นใจที่ได้แก้รัฐธรรมนูญ

Advertisement

“เราดีใจที่ชนะในการพูด แต่อย่าลืม ม.112 ที่กั้นขา ไม่มีการเผด็จศึกระหว่างคนรุ่นเก่า คนรุ่นใหม่ คนที่ไม่อยากเป็นทาส และคนที่อยากเป็นอยู่ เราพูดทุกวันนี้เหมือนอยู่ในอุโมงค์ ดีใจที่คนมา แต่เคยสังเกตหรือไม่ ว่าเราไปพลาดอะไรตรงไหน เราไปพลาด เพราะเรายังขยายฐานมากไม่พอ พ่อแม่ที่เป็นสลิ่ม หันหน้ามาคุยกับลูก แทนที่ลูกจะพยายามอธิบายว่าสู้เพื่ออะไร แต่เลี่ยงที่จะพูด เพราะไม่อย่างทะเลาะ หรือมีเพียงการรังเกียจเดียดฉันท์ว่าเขาเป็นคนอื่น

เกมนี้ต้องสู้อีกยาว เพราะเราอยู่กับระบอบที่อยู่ในประเทศนี้มากว่า 80 ปี นี่คือระบอบฝังหัว แต่ขอว่าอย่างน้อยที่สุด กลับไปบ้านเรายังมีสิ่งที่ต้องทำ คือการขยายแนวร่วม ถ้าวันไหนมาชุมนุมยังเห็นรถขับผ่าน คนเที่ยวปกติ ไม่เห็นสภาพของการปฏิวัติ จงรู้ไว้ว่า เรายังทำการบ้านไม่พอ สัญญาได้หรือไม่ ว่าเราจะกลับไปทำการบ้านนี้จนกว่าวันหนึ่งที่เราเห็นถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงเทพ นี่คือบรรยากาศของการชนะ ไม่ใช่ จบที่วีรชนที่ยิ่งใหญ่ แต่แพ้สงคราม ผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น

ขอให้เรากลับไปอยู่ในสังคมความเป็นจริง เลิกอยู่ใน echo chamber ให้ประชาชนรอบข้างตื่นรู้ แล้ววันเผด็จศึกจะใกล้กว่านี้ แต่เราก็เดินทางมาไกลพอสมควรแล้ว เราเห็นอะไรที่เป็นรูปร่างบ้างจากการเคลื่อนไหว เราเห็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ถูกล็อกด้วยกลไกรัฐสภา และรัฐธรรมนูญ 60 ที่แก้ไขได้ยากมาก อยากให้ทุกคนประเมินตนเองก่อน เรายังไม่มีปืนมากพอที่จะปฏิวัติ เรากำลังสู้อย่างสันติวิธี ไม่ใช่ได้ชัยใน 1-2 วัน แต่ในภายภาคหน้าจะชนะ คำว่าเวลาอยู่ข้างเรา ไม่ใช่สิ่งผิดปกติมากนัก นี่คือความเป็นจริง ขอให้ใจเย็นๆ ค่อยๆ ก้าว อย่าละทิ้งอุดมการณ์เป็นพอ ขยายแนวร่วม บอกคนใกล้ตัว เราต้องกลับไปเผชิญหน้ากับปัญหาใกล้ตัว ต้องเริ่มสร้างความเข้าใจในสังคม เริ่มจากคนใกล้ตัว เรายังต้องการบรรยากาศของการปฏิวัติ” นายนิธิกล่าว

Advertisement

นายนิธิยังกล่าวด้วยว่า ยิ่งนาน มูลค่าหนี้สินยิ่งเพิ่ม ตั้งแต่ทักษิณ จนประยุทธ์ ปาไป 8.7 ล้านล้านบาทแล้ว ที่สำคัญคือ หนี้รัฐบาล ถือเป็น 42 เปอร์เซนที่กู้มา คือปริมาณที่เยอะอย่างเหลือเชื่อ

“เราจะเห็นการต่อสู้ที่ฝ่ายขวาชนะแบบเต็มประตูของ กปปส. เราเห็นร้านรวงปิด ถนนปิด เห็นถนนทุกเส้นมุ่งสู่กรุงเทพฯ บรรยากาศแบบนี้เกิดขึ้นแล้วหรือยัง กลับบ้านไปสร้างบรรยากาศให้มากที่สุด แล้ววันนั้นชัยชนะ จะมาหาเราเอง

เรามักถูกพร่ำสอนว่า ต้องเป็นเด็กดี 10 ประการ กลับเป็นบทเรียนในกระทรวงศึกษาธิการ ที่ต้องทำตาม และ รัฐธรรมนูญ คือสิ่งที่ย้ำว่าเราต้องทำตามกฎหมายเสมอ แต่ไม่เคยมีใครสอนตั้งคำถามว่า ใครเป็นคนร่างกฎหมาย รัฐธรรมนูญถูกร่างโดยชนชั้นนำมาตลอด จนกระทั่งมีการตั้ง สสร.ร่างรัฐธรรมนูญของประชาชนเพียงครั้งเดียว ฉบับปี 40 ซึ่ง ฉบับปี 60 ไม่มีความชอบธรรม ไม่มีเสียงของประชาชน เป็นสิ่งที่เราต้องเคารพหรือไม่ แน่นอนว่าต้องทำตามกฎหมาย แต่ในใจไม่ได้รู้สึกว่าคือกฎหมายของประชาชน” นายนิธิกล่าว และว่า

เราไม่ได้หวังอะไรมากมายไปกว่าระบบกฎหมายที่ดีกว่านี้ ที่ไม่ว่าเปลี่ยนผู้ปกครองมากี่คน จะไม่ต้องมานั่งลุ้น เราต้องการแค่ระบบกฎหมายที่ดี ไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านั้น แต่เมื่อเราเริ่มที่จะไปเหยียบเขา ว่าเป็นสลิ่ม เราต้องเข้าใจว่าเขาเป็นอย่างนั้น ต้องพยายามล้างสมองเขาให้ได้ อย่าปล่อยคนพวกนี้ไว้ข้างหลัง ถ้าเราซื้อใจคนเหล่านี้ได้เมื่อไหร่เราจะชนะ ไม่ใช่ซื้อใจกันเอง


QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image