‘เพนกวิน’ เดือด ฉีกหนังสือ ‘นครินทร์ เมฆไตรรัตน์’ แนะ กลับไปอ่านหนังสือตัวเองใหม่

‘เพนกวิน’ ฉีกหนังสือ ‘อดีตคณบดี มธ.’ ขอพิทักษ์ ‘เกียรติรัฐศาสตร์’

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม สืบเนื่องจากกรณีที่ กลุ่มราษฎร ประกาศนัดหมายชุมนุม “ไล่จันทร์โอชาออกไป” ที่ ห้าแยกลาดพร้าว ในเวลา 16.00 น. เพื่อติดตามชะตาการเมืองไทย หลังศาลรัฐธรรมนูญจะทำการตัดสินคดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อยู่บ้านพักภายในค่ายทหาร ว่าจะพ้นจากตำแหน่งหรือไม่นั้น

เวลา 20.12 น. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า รู้สึกผิดหวัง หดหู่ กับการเข่นฆ่าประชาชน ที่รุ้งนำมาฉาย อดร้องไห้ไปด้วยไม่ได้ ต้องขอบคุณวีรชนทุกท่าน เพราะเลือดทุกหยาดที่ได้ปูทางประชาธิปไตย วันนี้เราจึงพังเพดาน พูดได้ทุกสิ่งอย่าง เอาความจริงมาปรากฏได้ทุกที่

“จากหลักกฎหมายที่ได้ร่ำเรียน ตั้งแต่วิชาสังคมศึกษา ทุกวิชา บอกตรงกันว่า รัฐธรรมนูญคือกฎหมายสูงสุด กฎหมายใดที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ใช้ไม่ได้ กองทัพใหญ่จากไหนจึงมาล้มล้างรัฐธรรมนูญได้ หรือเห็นว่า เป็นผูกที่ฉีกรัฐธรรรมนูญมาตลอด จึงให้เป็นใหญ่

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่ง ทำคุณงามความดีให้แก่บ้านเมือง และจงรักภักดี เพราะเช่นนี้จึงเหมาะสมที่กองทัพจะจัดบ้านพักให้อยู่หรูหรา เช่นนั้นหรือ” นายพริษฐ์กล่าว

Advertisement

โดยมวลชนชู 3 นิ้ว แสดงความไม่เห็นด้วย

นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า ในประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย สถาบันต่างๆ ต้องมีหน้าที่พิทักษ์ไว้ซึ่งหลักการทางกฎหมาย และรัฐธรรมนูญจะเขียนขึ้นเพื่อรับรองสิทธิ เสรีภาพ ของประชาชน โดยทั่วไป ศาลรัฐธรรมนูญในอารยประเทศ ประชาชนมีสิทธิฟ้องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ได้ว่า การใส่ชุดนักเรียนละเมิดสิทธิเสรีภาพหรือไม่ นี่คือหน้าที่ ที่ต้องว่าไปตามหลักการ คือสิ่งที่ควรจะเป็น

จากนั้น เป็นการวิพากษ์การทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ และกล่าวถึงการที่นายกรัฐมนตรีที่มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ต้องออกจากตำแหน่ง อาทิ นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งกรณีสมัคร สุนทรเวช คล้ายกับ กรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้รับประโยชน์อื่นใด ถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน

Advertisement

“ฟังดูสมเหตุสมผล แต่สิ่งที่ลุงสมัครทำ คือ ไปทำกับข้าวออกทีวี เขาให้ค่าน้ำมันมานิดหน่อย หาว่ารับสินบน ต้องเอาออก ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไม การทำกับข้าว ชิมไป บ่นไป เป็นความผิดนัก แต่การยักยอก อยู่บ้านหลวง ทำไมจึงอยู่ได้

นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า  หาว่าเราล้มล้างการปกครอง แต่เอาหัวหน้ากบฏมาเป็นนายกฯ ไม่ล้มล้างการปกครองหรือ นอกจากนี้ มีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ยังมีการขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ ด้วย” นายพริษฐ์กล่าว

โดยยังฝากถึงรุ่นพี่คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ที่ละทิ้งอุดมการณ์ไปรับใช้เผด็จการ พร้อมชูหนังสือของนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ชื่อหนังสือ ความคิด ความรู้ และอำนาจการเมือง ในการปฏิวัติสยาม 2475 พร้อมกล่าวว่า

“อาจารย์ควรจะเข้าใจจิตวิญญาณธรรมศาสตร์มากกว่าผม เพราะเป็นอดีตผู้บริหารมหาวิทยาลัย ในฐานะคณบดี ไม่เกรงใจเกียรติภูมิธรรมศาสตร์ ไม่เกรงใจ อ.ปรีดี พนมยงค์ ไม่เกรงใจ ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์ และที่ไม่น่าให้อภัยมากที่สุด คือคนเป็นคนเดือนตุลาฯ คือคนสร้างตำนานที่เราได้เรียน ได้อ่าน คือตำนานที่ประชาชนกล่าวขาน สิ่งที่คนยุคนั้นทำ น่านับถือ แต่คุณกำลังทำลายเกียรติภูมิของคนเดือนตุลาฯ ด้วยการอุ้มชูเผด็จการ คุณเรียนมาย่อมรู้ หลักการประชาธิปไตย ไปอ่านหนังสือใหม่ไป”

“ผมให้คุณค่ากับความรู้มากๆ ชอบอ่านหนังสือ เคยยอมรับความรู้ที่อาจารย์เขียน แต่ไม่ขอยอมรับตัวอาจารย์อีกต่อไป เมื่อวันนี้พิสูจน์แล้ว ว่าอาจารย์ทำไม่ได้อย่างที่เขียน ขอท้าทายให้มาเรียนกับผมใหม่ อาจารย์พยายามครอบงำการบริหารในคณะรัฐศาสตร์ แต่อย่างไรก็ครอบไม่ได้ จึงขอฉีกหนังสือเล่มนี้เพื่อพิทักษ์ไว้ซึ่งเกียรติคนเรียนรัฐศาสตร์

ใครที่มีหนังสือเล่มนี้ไปเผา ไม่ต้องอ่าน ถ้าอยากเผา แต่ที่บ้านไม่มี ไปซื้อมาเผา พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ฝ่ายประชาธิปไตย คือ ฟ้าเดียวกัน ตอนที่อาจารย์ยังไม่กลับข้าง” นายพริษฐ์กล่าว

จากนั้น นายพริษฐ์ ทำการเผาหนังสือ โดยวงโยธวาทิต ของราษฎร ได้บรรเลงเพลง ธรณีกรรแสง ขณะฉีกหนังสือดังกล่าว ก่อนจะอ่าน 9 รายชื่อ และทำการเผารูป

ในนามประชาชนคนรุ่นใหม่ จากที่ครูใหญ่ ขอนแก่นพอกันที บอกว่า ตอนนี้นักศึกษาสอบ ชาวนาเกี่ยวข้าว คงกะว่า เราไม่ว่าง แต่เราไม่ได้เกี่ยวข้าวทั้งปี บอกไว้เลยว่า เกี่ยวข้าวเสร็จ สอบเสร็จเมื่อไหร่เจอกัน

ผมได้รับภารกิจในฐานะที่เป็นคนภาคเหนือ จะไปตรวจราชการว่าพี่น้องภาคเหนือเกี่ยวข้าวเสร็จหรือยัง ในขณะที่เพื่อนเรายังเกี่ยวข้าวไม่เสร็จ ใครมีเแรง ร่วมกันฉีกหน้าศักดินาไปทีละเปราะ เพราะชั่วร้ายหลายขั้น เราจะกระชากไปทีละขั้น ไม่มีใครเกรงกลัวที่จะพูดอีกต่อไป เราต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่ศึกครั้งนี้ยิ่งใหญ่ ต้องใช้เวลา แต่ตราบใดที่พี่น้องยังไม่ถอดใจ ยืนยันจะสู้ต่อไป ชัยชนะจะอยู่กับเรา เราชนะหลายขั้นแล้ว ตั้งแต่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว แล้วพบกันเมื่อชาติต้องการ

จากนั้น ประชาชน ชู 3 นิ้ว ส่งเสียงยืนยันว่าจะสู้ไปด้วยกันทุกวัน และเป็นครอบครัวเดียวกัน พร้อมตะโกน “ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image