บทนำ : กระทรวงน้ำ
เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจจาก นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้ตั้งกระทรวง น้ำ มีหน้าที่และภารกิจหลักในการแก้ปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ส่วนตัวสนับสนุนแนวความคิดการจัดตั้งกระทรวงทรัพยากรน้ำขึ้นมาอีกกระทรวงหนึ่ง โดยกำหนดให้มีบทบาทหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารน้ำ แก้ไขปัญหาน้ำท่วม และภัยแล้งอย่างเป็นระบบ ซึ่งมีความเหมาะสมมากกว่าการจัดตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ตามประกาศ คสช.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเพียงหน่วยงานด้านนโยบาย ไม่ใช่หน่วยงานในภาคปฏิบัติ
นายเทพไทระบุว่า หากมีการนำองค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวกับน้ำมาอยู่รวมกัน ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรน้ำ ก็จะเป็นกระทรวงที่บูรณาการเรื่องเกี่ยวกับน้ำครบวงจร และสามารถโอนย้ายหน่วยงานระดับกรมมาอยู่ในสังกัดได้ เช่น กรมชลประทาน, กรมทรัพยากรน้ำ, กรมทรัพยากรน้ำบาดาล, กรมฝนหลวง, กรมเจ้าท่า, กรมอุตุนิยมวิทยา ฯลฯ และนำหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับน้ำมาอยู่ในสังกัด 3 หน่วยงาน เช่น การประปานครหลวง, การประปาส่วนภูมิภาค, องค์การกำจัดน้ำเสีย ฯลฯ ซึ่งจะเป็นกระทรวงขนาดใหญ่ มีหน่วยงาน 6 กรม 3 รัฐวิสาหกิจ และจะเป็นกระทรวงระดับเกรด A อีกกระทรวงหนึ่ง
นอกจากนี้รัฐบาลน่าจะได้สะสาง การแยกหน่วยงานบริหารกระทรวง ทบวง กรม ให้สอดคล้องกับภารกิจและบทบาทหน้าที่ของแต่ละกระทรวง เช่น กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงวัฒนธรรม สมควรที่จะจัดแบ่งหน่วยงานตามภารกิจที่สอดคล้องกัน จัดตั้งเป็นกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว กับกระทรวงกีฬาและเยาวชน
ประเทศไทยประสบปัญหาในเรื่องน้ำมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจากน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปี 2554 รัฐบาลขณะนั้น มีแนวคิดในการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ แต่เกิดปัญหาทางการเมือง จนกระทั่งเกิดรัฐประหารในปี 2557 จากนั้น แต่ละปี จะพบว่ามีปัญหาเรื่องภัยแล้ง น้ำท่วม เกิดขึ้นสลับกันไปอย่างต่อเนื่อง หน่วยงานที่ดูแลในขณะนี้ มีอาทิ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และหน่วยงานระดับกรมอีกจำนวนหนึ่ง ภาพของปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ไม่สามารถรับมือได้อย่างมีแผนการล่วงหน้า ทำให้เริ่มกล่าวถึงการจัดตั้งเป็นกระทรวง เพื่อรวมการบริหารไว้ด้วยกัน ถึงเวลาที่รัฐบาล และสภา จะต้องกลับมาพิจารณา หรือศึกษาปัญหานี้ว่า รูปแบบการบริหารอย่างไร จึงจะเกิดการบริหารน้ำที่ยั่งยืน
