การโพสต์ข้อความผ่าน ”ทวิตเตอร์” ครั้งล่าสุดของ นายทักษิณ ชินวัตร ต่อกรณีการแยกตัวไปของอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทยจะกลายเป็นประเด็น ”ร้อน” ในทางการเมือง
นี่เป็นสถานการณ์ที่ต่างออกไปจากเมื่อคราว นายจาตุรนต์ ฉายแสง กับ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ไปอยู่พรรคไทยรักษาชาติ
นี่เป็นสถานการณ์ที่ต่างออกไปจากเมื่อคราว นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา แยกตัวออกไปพร้อมกับประกาศจัดตั้งพรรคประชาชาติ ก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562
นี่เป็นสถานการณ์ที่ต่างออกไปจากเมื่อคราว นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แยกตัวออกไปจากพรรคเพื่อไทย และประกาศจะลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.โดยอิสระ
นี่เป็นสถานการณ์ที่ต่างออกไปจากเมื่อคราว นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ประกาศจัดตั้ง ”กลุ่มแคร์” กับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริยเดช นพ.วีรพงษ์ สืบวงศ์ลี และ นายภูมิธรรม เวชยชัย
ครานี้เป็นผลสะเทือนโดยตรงจากปัญหาการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากที่เกิดขึ้นใน ”เชียงใหม่”
หลังรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 มีหลายคนแยกไปจัดตั้งพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นพรรคมัชฌิมาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาราช
แม้จะรู้ว่าดำเนินไปตามแผนบันได 4 ขั้นอันกำหนดมาโดยคมช. แต่ นายทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ
แม้ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม 2550 จะมีการเคลื่อนไหวของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประสานกับขบวนการตุลาการภิวัฒน์ยุบพรรคพลังประชาชน
แล้วดึงกลุ่มของ นายเนวิน ชิดชอบ แยกตัวออกไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กระทั่งกลายมาเป็นพรรคภูมิใจไทย นายทักษิณ ชินวัตร ก็ยอมกลืนเลือด
ย้อนกลับมาชิงชัยชนะในการเลือกตั้งเดือนกรกฎาคม 2554
แต่สถานการณ์หลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 แหลมคมมากยิ่งกว่ากระทั่ง นายทักษิณ ชินวัตร ต้องตัดพ้อต่อว่า
การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นในวันที่ 20 ธันวาคมเด่นชัดยิ่งว่า ใครยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย ใครไม่เพียงแต่แปรพักตร์หากแต่ก่อปฏิบัติการอย่างที่เรียกว่า ”เปิดประตูเมือง” ให้กับฝ่ายตรงกันข้ามเข้ามา
กระบวนการต่อสู้ใน ”เชียงใหม่” ทำให้ตระหนักว่า ใครรัก ใครไม่รัก นายทักษิณ ชินวัตร ใครรัก ใครไม่รัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
