อนุทิน ลั่น พรก.ฉุกเฉิน ศักดิ์สิทธิ์ไม่พอ สั่งปิดบิ๊กเมาน์เท่นไม่ได้ ยัน! ไม่เกี่ยวกับการเมือง

อนุทิน ลั่น พรก.ฉุกเฉิน ศักดิ์สิทธิ์ไม่พอ สั่งปิดบิ๊กเมาน์เท่นไม่ได้ ยัน! ไม่เกี่ยวกับการเมือง

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่ กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีการจัดแสดงเทศกาลดนตรีบิ๊กเมาท์เท่น จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 12-13 ธันวาคมที่ผ่านมา

นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อมีคำสั่งของทางราชการก็ถือว่ามีผลในการบังคับใช้ทันที จึงเป็นอีกความจำเป็นหนึ่งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ไปแจ้งความจำนง โดยสิ่งที่จะเกิดความปลอดภัยที่สุดคือประชาชนทุกคนต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย ถ้าทุกคนปฏิบัติตามให้ความร่วมมือกับข้อแนะนำต่างๆ ของทางราชการ ก็จะไม่มีปัญหา ทุกเรื่องที่มีปัญหาเกิดจากการที่ไม่เคารพกฎหมาย อย่างเช่นกรณี จ.ท่าขี้เหล็ก เมียนมา หากเป็นคนไทยที่กลับเข้ามาตามช่องทางที่ถูกต้อง ยอมถูกกักตัว 14 วันก็จะไม่มีปัญหา แต่ประเด็นคือมีบางคนไม่ยอมกักตัว ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย คนเพียงไม่กี่คนก็ทำความเดือดร้อนให้กับทางประเทศ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการควบคุมโรค

“การจัดกิจกรรมทุกอย่างจะต้องได้รับการอนุญาต จะต้องมีการเสนอรูปแบบการจัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดหรือผู้ที่มีอำนาจจะต้องอ่านตามข้อเสนอจึงจะได้รับอนุญาตให้จัดได้ ซึ่งถ้าเข้าเกณฑ์ก็ได้รับการอนุญาตให้จัดได้ทั้งหมด แต่หากได้รับอนุญาตไปแล้วไม่ทำตามที่เสนอไปก็จะเป็นปัญหา จะบอกว่าคนมามากเกินไปควบคุมไม่ได้ จะต้องควบคุมได้ถึงจะจัดงานได้ ต้องมีการจัดทางเข้าออก ให้ประชาชนส่วนหน้ากากอนามัย จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมงาน วัดอุณหภูมิร่างกาย เพราะเราไม่ต้องการให้มีการแพร่เชื้อ” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ยืนยันว่า ไม่ได้ห้ามจัดงานในลักษณะนี้ รวมถึงงานเคาน์ดาวน์ ปีใหม่ที่จะถึง ทุกคนยังสามารถจัดงานได้ แต่ต้องปฏิบัติตามระเบียบและข้อกำหนด ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย มีระยะห่างและการจัดเจลล้างมือบริการ และ ต้องมีการจัดบริการวัดไข้ เพราะการจัดงานในลักษณะนี้ต้องผ่านการขออนุญาต แต่ต้องปฏิบัติ ตามกฎระเบียบ

Advertisement

“ในขณะนี้ยังมีการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน(พรก.) ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บังคับใช้พรก. ฉุกเฉินในจังหวัดของตนเอง ก็ยังมีความศักดิ์สิทธิ์ไม่พอ คำสั่งออกมาแล้ว อุทธรณ์แล้ว ยกแล้วก็ยังจัดอยู่” นายอนุทิน กล่าวและว่า ส่วนภาพที่ออกมาเป็นเพราะประชาชนไม่กลัวความปลอดภัยหรือไม่นั้นส่วนตัวคิด ว่า เป็นเรื่องของการประชาสัมพันธ์มากกว่า หรือมีมาตรการรักษาความปลอดภัยการติดเชื้อในหมู่ประชาชนอย่างไร อย่างที่เรียนว่า ประชาชนที่ไปแล้วถ้าเว้นระยะห่างไม่ได้ สวมหน้ากากไม่ได้ ถึงเวลาถ้าไม่ปลอดภัยหรือมีความเสี่ยงก็อย่าเพิ่งไป สำหรับคนที่ไปร่วมงานนั้น เนื่องจากการตรวจคนที่มีความเสี่ยงแล้วผลเป็นลบ ไม่มีเชื้อ ดังนั้นจึงไม่ได้ไปตั้งข้อจำกัดของผู้ร่วมงาน แต่ขอให้สวมหน้ากากอนามัย สังเกตอาการตัวเอง 14 วัน ถ้าไม่มีอะไรก็ถือว่าไม่มีโรค แต่ถ้ามีอาการระบบทางเดินหายใจ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรสก็ให้มาพบแพทย์

“ย้ำอีกครั้งว่าความสำเร็จในการควบคุมโรคระบาดของประเทศไทย นั้นเกิดจากความร่วมมือของประชาชนที่ทำตามคำแนะนำของบุคลากรทางการแพทย์ ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ เราก็ได้แต่บอกเขาว่าอย่าทำแบบนี้ๆ แต่ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือก็จะเกิดเหตุการณ์ที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น ดังนั้นต้องจูงมือกันไป ร่วมมือกัน ถามว่าทำได้หรือไม่ ก็คือทำได้ จนวันที่คนไม่ให้ความร่วมมือก็เลยเกิดเหตุ เราไม่มีทางเลือกถ้าไม่อยากให้เกิดการระบาดก็ต้องร่วมมือกัน รัฐต้องพร้อมในการให้ข้อมูลความรู้กับประชาชน ประชาชนก็ต้องให้ความร่วมมือกับรัฐ together ด้วยกันแบบนี้เราก็จะปลอดภัย และอีกไม่นานก็จะมีวัคซีนแล้ว แล้วเราจะต้องกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้ มันจะไม่เป็นอย่างนี้ไปตลอด” นายอนุทิน กล่าว

Advertisement

เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าการสั่งยุติเทศกาลดนตรีดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับการเมืองอะไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี ไม่รู้จักใครทั้งสิ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องความปลอดภัยของประชาชน และประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องการเมือง เรื่องโควิดใหญ่กว่าเรื่องการเมืองเยอะ ถ้าประชาชนติดโควิด การเมืองเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ ดังนั้นที่เราต้องเข้ม ต้องใช้มาตรกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพราะไม่สามารถปล่อยให้ประชาชนเสี่ยงต้อการรับเชื้อ การแพร่ระบาดของคนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองใด ๆ  คนไปหาความสำราญ เราแยกแยะเป็น

ผู้สื่อข่าวถามว่าในกลุ่มนักเรียนที่ไปร่วมงานดังกล่าวนั้น จะต้องหยุดเรียนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ในเบื้องต้นกลุ่มผู้ที่สงสัยว่าอาจติดเชื้อ ผลตรวจออกมาแล้วเป็นลบถือว่ายังไม่น่าจะมีการแพร่เชื้อ ความเสี่ยงแพร่เชื้อต่ำ เราไม่ถึงขั้นที่จะต้องกีดกันหรือตั้งข้อจำกัดขึ้นมาแต่ขออย่างเดียวให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดที่ไปเรียน

“ผู้ที่ไปร่วมในงานนั้นหากกลับมาแล้วก็ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาและสังเกตอาการตนเองเป็นระยะเวลา 14 วัน หากเกิดอาการไอจาม จมูกไม่ได้กลิ่นลิ้นไม่ได้รส ให้รีบไปพบแพทย์” นายอนุทิน กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image