“ก้าวไกล” ล็อกเป้ายำ ‘3 พี่น้องค่ายทหาร’ ในศึกซักฟอก เหตุฉุดประเทศดิ่งเหว

“ก้าวไกล” ล็อกเป้ายำ ‘3 พี่น้องค่ายทหาร’ ในศึกซักฟอก เหตุฉุดประเทศดิ่งเหว

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่าถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะอภิปรายใครบ้าง แต่ในภาพรวมน่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง การใช้จ่ายงบประมาณเงินกู้ ที่รัฐบาลต้องการกู้ให้ได้ แต่ภาระระยะยาวเป็นของพี่น้องประชาชน โดยเมื่อกู้มาแล้วมีการนำมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ โครงการที่อนุมัติมาแล้ว ก็ไม่มีนัยสำคัญในการจ้างงานหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนการเบิกจ่ายก็ล่าช้า และเป็นการเล่นขายของหรือไม่

“เรื่องเศรษฐกิจวันนี้มีแต่สาละวันเตี้ยลง ไม่มีสัญญาบวกหรือฟื้นตัวที่จะทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ และเปิดช่องให้นายทุนกว้านซื้อ สูบกินทรัพยากรของประเทศ ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น”นายวิโรจน์กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รู้อยู่แก่ใจในการสั่งการอะไรที่ไม่ถูกต้อง มีการเกณฑ์ใครไปทำอะไรไปคุกคามใครบ้าง เรื่องนี้ยังเปิดเผยมากไม่ได้ แต่เป็นเรื่องที่พล.อ.ประยุทธ์ ใช้อำนาจ สั่งการ คุกคามประชาชนทั้งทางลับและไม่ลับ และยังพิจารณาอภิปรายรัฐมนตรีท่านอื่นที่บั่นทอนประเทศ ซึ่ง 3 พี่น้องในสวนส้มค่ายทหารนั้นต้องล็อกเป้าอยู่แล้ว รวมทั้ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ทำให้เด็กและเยาวชนสิ้นหวัง ซึ่งเป็นรัฐมนตรีศึกษาฯ คนแรกที่ถูกเด็กขับไล่

“เราจะพุ่งเป้าไปที่นายกฯ และรัฐมนตรีที่ทำให้ประเทศด้อยพัฒนา ไม่มีขีดความสามารถในการพัฒนาประเทศ รัฐบาลอ้างโควิด-19 ถึงความถดถอยทางเศรษฐกิจ แต่เราต้องดูว่าผลกระทบในด้านอื่นๆ ด้วย ประเทศอื่น เช่น เวียดนาม ทุกคนโดนเหมือนกัน แต่เจ็บไม่เท่ากัน รัฐบาลไหนโง่ประชาชนเจ็บหนัก ผมเชื่อว่ารัฐบาลประยุทธ์ เป็นรัฐบาลที่โง่ ประเทศอื่นโดนหนักกว่า แต่ยังฟื้นตัวและสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจขึ้นมาได้ ของเราจำนวนผู้ป่วยน้อย แต่แลกการประชาชนต้องประสบกับปัญหาความยากลำบากทางเศรษฐกิจ จึงเป็นการอ้างเรื่องสาธารณสุขให้ได้อยู่ในอำนาจต่อไป รัฐบาลต้องแก้ปัญหาด้วยการสร้างสมดุลเพื่อประคองสถานการณ์ ไม่ใช่เอาเศรษฐกิจมาสังเวยกับความภูมิใจในการควบคุมโรค” นายวิโรจน์ กล่าว

Advertisement

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลจะคงมาตรฐานสำคัญในการอภิปราย มีเนื้อหาที่ดี เชื่อมโยงให้ประชาชนเข้าใจถึงโทษานุโทษของรัฐบาลที่ประชาชนจะไม่สามารถให้อภัย ได้ ส่วนความหน้าหนาของรัฐบาลก็เป็นอีกเรื่องว่าจะอยู่ จะสำนึกลาออกหรือไม่นั้น เป็นเรื่องระดับคุณธรรมจริยธรรมเฉพาะตัว

นายวิโรจน์ ยังกล่าวถึงกรณีรายชื่อคณะกรรมการสมานฉันท์ที่ปรากฏออกมาจากฝ่ายรัฐบาลว่า ที่ผ่านมาเราไม่ได้มีท่าทีแอนตี้หรือไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมการสมานฉันท์ตั้งแต่แรก แต่พอเราทราบชื่อไม่นึกเสียใจที่จะไม่เข้าร่วมเลย ต้องใช้คำว่า “ฉัน” ที่ไม่มี “ท์” คือจะมาร่วมกินโต๊ะผู้ชุมนุมอย่างเดียว ซึ่งไม่ได้เป็นความหวังของประชาชนได้ เปิดชื่อมาประชาชนก็โห่ไล่แล้ว หน้าตาแบบนี้หรือจะมาช่วยสมานฉันท์ เป็นการทำลายบรรยากาศมากกว่า

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image