‘ไทยภักดี’ จับมือเครือข่ายป้องสถาบัน ออกแคมเปญ 1 สิทธิ์ 1 เสียง หนุน ม.112 ผุด 3 กิจกรรม

ไทยภักดีจับมือเครือข่ายป้องสถาบัน ออกแคมเปญ 1 สิทธิ์ 1 เสียง หนุน ม.112 ผุด 3 กิจกรรม ชวนคนไทยทั่วประเทศเก็บหลักฐาน แจ้งความ สน.ใกล้บ้าน

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม ที่ทำการกลุ่มไทยภักดี ถนนพระราม 5 เวลา 10.30 น. มีการจัดแถลงข่าว “1 สิทธิ์ 1 เสียง” สนับสนุนมาตรา 112 นำโดย นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานกลุ่มไทยภักดี

อ่านข่าว : ไทยภักดี เตรียมแถลงข่าว 1 สิทธิ 1 เสียง หนุนมาตรา 112 พร้อมนัดรวมพลเบิ้มๆ ศุกร์นี้ สวนลุมพินี

นายแพทย์วรงค์กล่าวว่า ขอย้ำว่ากฎหมายคุ้มครองประมุขของประเทศ ดังเช่น ม.112 ทุกประเทศทั่วโลกมีหมด ตัวอย่างคือประเทศอังกฤษ ซึ่งถือเป็นต้นแบบ มีความชัดเจนในกฎหมายของราชวงศ์ว่ามีสิทธิ ข้อยกเว้นใดบ้าง พูดภาษาชาวบ้านคือราชวงศ์ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ได้รับการยกเว้น ไม่ถูกดำเนินคดี นี่คือตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่าทุกประเทศทั่วโลกไม่เพียงแต่ประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แม้แต่ที่มีประธานาธิบดีเป็นประมุขก็มีกฎหมายคุ้มครอง ประเทศเนเธอร์แลนด์ก็มีกฎหมายคุ้มครอง หากมีการกระทำที่เป็นการจาบจ้วงสถาบัน โดยมีการดำเนินคดีถึงขั้นจำคุก

Advertisement

นายแพทย์วรงค์กล่าวว่า ดังนั้น พวกตน ไม่เพียงแต่กลุ่มไทยภักดี แต่ยังประสานยังองค์กรเครือข่ายปกป้องสถาบัน มีการออกแคมเปญ “1 สิทธิ์ 1 เสียง” สนับสนุนมาตรา 112 เพราะสัปดาห์ที่ผ่านมา การรุกคืบของฝ่ายตรงข้ามมีความรุนแรง ชักศึกเข้าบ้าน ถึงขนาดร้องเรียนต่อสหประชาชาติ ขอย้ำว่าข้อร้องเรียนต่างๆ เป็นการโกหก บิดเบือน ยืนยันว่ากลุ่มพวกเขาต่างหากที่นำ ม.112 มาเล่นการเมือง เพื่อสร้างเงื่อนไขของความขัดแย้ง แต่เราตามสถานการณ์ทัน จึงนำไปสู่การคิดแผนงาน 1 สิทธิ์ 1 เสียง สนับสนุน ม.112 ด้วยยุทธการหักคอเวียดกง โดยสร้าง 3 กิจกรรม ได้แก่

1.เชิญชวนประชาชนทั่วประเทศที่พร้อมแจ้งความดำเนินคดี ม.112 ถ้าท่านพบเห็นหลักฐานการกระทำเข้าข่ายความผิดให้เก็บหลักฐานส่งมาในกล่องข้อความเพจกลุ่มไทยภักดีประเทศไทย ทางกลุ่มพร้อมรวบรวมข้อมูลที่ส่งมา โดยมีทนายอาสาพร้อมเขียนสำนวนให้ เพื่อส่งกลับไปให้พี่น้องประชาชนนำไปแจ้งความที่ สน. ใกล้บ้าน เพื่อให้ผู้ต้องการยกเลิก ม.112 เข็ดหลาบ

Advertisement

2.กลุ่มไทยภักดีและเครือข่ายจะจัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับ ม.112 ที่ถูกต้องต่อประชาชน เดิมตั้งใจจะจัดวันที่ 18 ธันวาคมนี้ เวลา 16.00 น. ที่สวนลุมพินี แต่ล่าสุดมีความวิตกเรื่องสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาเปลี่ยนเร็วมาก จึงจำเป็นต้องระงับไว้ก่อน โดยปรับรูปแบบจากการปราศรัยเป็นวงเสวนา และถ่ายทอดสดให้รับชม โดยใช้ห้องส่งของสถาบันทิศทางไทย ในวันและเวลาเดิม โดยรับชมสดได้ที่เพจสถาบันทิศทางไทยและเพจไทยภักดี ประเทศไทย วิทยาการ ได้แก่ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพย์สินพระมหากษัตริย์, ดร.เวทิน ชาติกุล, นางหฤทัย ม่วงบุญศรี และนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม

3.กลุ่มไทยภักดีประเมินว่า โซเชียลมีเดียเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ และสถาบัน ถ้าปล่อยไว้จะยิ่งเป็นอันตราย จึงมีแผนการยื่นหนังสือเรียกร้องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อเร่งให้ปฏิรูปโซเชียลมีเดีย โดยนัดหมายในวันที่ 17 ธันวาคม เวลา 10.00 น.


“การใช้มาตรา 112 ครั้งนี้ เป็นการกระตุ้นจากประชาชน แม้แต่รัฐบาลเองยังอ่อนไปนิดหนึ่งในการจัดการ แต่ไม่เป็นไร เพราะประชาชนตื่นมาร่วมปกป้องสถาบัน โดยการร่วมกับดำเนินคดี ม.112 ในพื้นที่ใกล้บ้านทั่วประเทศ ย้ำว่าไทยภักดีจะทำหน้าที่เป็นองค์กรกลางในการส่งสำนวนให้ สำหรับกิจกรรมที่เคยนัดหมายที่สวนลุมพินี วันที่ 18 ธันวาคมนี้ เปลี่ยนรูปแบบเป็นวงเสวนา ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กที่ห้องส่งสถาบันทิศทางไทยแทน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด สำหรับโซเชียลมีเดียเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศไทย รัฐบาลล่าช้าเกินไปในการดำเนินการ เราต้องเร่งกระตุ้น วันนี้หลายประเทศตื่นตัวมาก เมื่อวานมีข่าวออกไปทั่วโลกว่า แม้แต่อังกฤษ กำลังส่งกฎหมายนี้เข้าสู่สภา คาดว่ามีผลบังคับใช้ปีหน้า เขาประกาศชัดเจนว่าโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ติ๊กต็อก ถ้านำเสนอเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย จะดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มนั้น ทั้งแพ่งและอาญา นี่คือ 3 แผนงานตามแนวทางที่กลุ่มไทยภักดีและเครือข่ายกำลังรุกคืบในยุทธการหักคอเวียดกง”
นายแพทย์วรงค์กล่าว

นายแพทย์วรงค์กล่าวอีกว่า ในแผนที่จะเสนอกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม คือ ให้ทางกระทรวงเป็นเจ้าภาพยื่นเรื่องต่อสภาผู้แทนราษฎร ตั้งคณะกรรมาธิการในการศึกษาแผนปฏิรูปโซเชียลมีเดีย จะทำให้ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลและผู้เชี่ยวชาญมามีส่วนร่วม เมื่อได้บทสรุป จึงเสนอเป็นกฎหมาย หัวใจหลักที่ต้องการคือให้มีการแสดงตัวตน ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการจำกัดสิทธิ เสรีภาพ แต่ต้องใช้ชื่อจริงนามสกุลจริง วันนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image