‘อนุทิน’ เผย หากสถานการณ์ดีขึ้นต้องเลิก พรก.ฉุกเฉิน แล้วมาใช้ พรบ.โรคติดต่อฉบับแก้ไข ที่จะเข้า ครม. 22 ธ.ค.แทน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อรายงานสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ใน จ.สมุทรสาครและอีกหลายจังหวัด ว่า ตนและคณะได้รายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นใน จ.สมุทรสาคร ให้นายกฯทราบ โดยเฉพาะมาตรการที่ได้ดำเนินการไปแล้ว โดย สธ.ได้ตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อที่ตลาดกลางกุ้ง ซึ่งเป็นที่พักของบรรดาแรงงานต่างด้าว จนเกือบครบแล้ว โดยอัตราการติดเชื้ออยู่ร้อยละ 42 แต่ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ และยังต้องกักกันโรค โดยห้ามเข้า ห้ามออก และดูแลเรื่องอาหาร ชีวิตประจำวัน ให้เขามีความปลอดภัย
นายอนุทินกล่าวย้ำว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องล็อกดาวน์ในพื้นที่อื่น หรือจังหวัดอื่นๆ แม้จะพบผู้ติดเชื้อในจังหวัดสระบุรีเพิ่มเติม และย้ำว่า ครั้งนี้ยังไม่ใช่การระบาดระลอกสอง เพราะยังสามารถทราบแหล่งที่มาที่ไปของแหล่งแพร่เชื้อได้ และในกรณีดังกล่าวก็ได้ปิดสถานที่ที่เกี่ยวข้องไปทั้งหมดแล้ว พร้อมตั้งโรงพยาบาลสนามไว้ประมาณ 100 เตียงด้วย ซึ่งถ้าบุคคลในพื้นที่นั้นมีอาการป่วยขึ้นมาแล้วไม่ได้เข้าขั้นรุนแรงก็จะรักษาในนั้น ไม่ให้ออกมาข้างนอก เว้นแต่คนที่มีอาการรุนแรงมาก ก็จะมีวิธีการขนถ่ายไปโรงพยาบาลที่มีความพร้อมสมบูรณ์ในการรักษาโดยยึดหลักความปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อสั่งการและการกำชับของนายกฯเป็นอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เน้นให้มีความพร้อมในการสนับสนุนทุกด้าน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยของประชาชน หากมีสิ่งใดขาดเหลือให้มารายงานนายกฯโดยตรง และเน้นย้ำความปลอดภัยของประชาชนให้มีเวชภัณฑ์ให้เพียงพอ และตรวจค้นหาให้มากที่สุด ส่วนมาตรฐานต่างๆ หากจะมีออกมานั้นขอประเมินตามสถานการณ์
เมื่อถามถึงข้อกฎหมายที่เสนอต่อนายกฯ เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้เข้มงวดมากขึ้นมีข้อสรุปอย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้เราอยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และปฏิบัติตามข้อกำหนดมาตลอด หากเป็นข้อบังคับที่ใช้กันทั่วประเทศ ทางผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด สามารถออกมาตราการในพื้นที่นั้นๆ ได้ทันที อย่างไรก็ตาม การที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุถึง พ.ร.บ.โรคติดต่อที่จะเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 22 ธันวาคมนั้น คือเรื่องการแก้ไข พ.ร.บ.โรคติดต่อ ซึ่งเป็นฉบับแก้ไข เนื่องจากเห็นว่าหากสถานการณ์ดีขึ้นก็อาจจะต้องเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วมาใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าวให้เข้มข้นขึ้นแทน แต่จนถึงขณะนี้คงต้อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในตลาดใหญ่ๆ หลายแห่ง เช่น ตลาดไท ตลาดบางใหญ่ จะเข้าตรวจเชิงรุกหรือไม่ เนื่องจากมีแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมาก นายอนุทินกล่าวว่า สธ.ทำได้ แต่โดยพื้นฐานก่อนที่จะเข้าไป เขาก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเข้มงวด คือต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือและวัดไข้ก่อนเข้า ถือเป็นการคัดกรองได้ระดับหนึ่ง ซึ่งการติดเชื้อได้เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิด และส่วนใหญ่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย หรือสวมไว้ใต้คาง